รวม 10 Soft Skills ทักษะจำเป็นที่ต้องมีสำหรับเด็กยุคใหม่
Soft Skills สำหรับเด็ก เป็นทักษะที่จำเป็นไม่แพ้ Hard Skills ที่เด็กรุ่นใหม่ต้องเรียนรู้ ซึ่งสำหรับการฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ ของเด็กในยุคนี้คือการเรียนรู้และฝึกฝนควบคู่กันไประหว่างทักษะด้าน Hard Skills ซึ่งเป็นทักษะที่ต้องอาศัยความรู้เพื่อนำไปใช้ในการทำงาน และทักษะด้าน Soft Skills ซึ่งเป็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับการมีปฏิสัมพันธ์กับคน ทั้งในเรื่องของอารมณ์และการเข้าสังคมเป็นหลัก
เพราะโลกในยุคปัจจุบันการเรียนรู้แค่ทฤษฎีและองค์ความรู้เพื่อเอาไปใช้ในงานอย่างเดียวคงไม่พอ การพัฒนาทักษะด้าน Soft Skills คือ สิ่งสำคัญที่ส่งเสริมการทำงาน สนับสนุน และพัฒนาด้านอารมณ์ สังคม และความเป็นอยู่เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่สามารถเติบโตอย่างมีคุณภาพ และสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองหลายคนอาจยังไม่เคยได้ยินหรือไม่แน่ใจว่า Soft Skills สำหรับเด็กสำคัญแค่ไหน และคืออะไรกันแน่ จึงอยากมาบอกข้อมูลเกี่ยวกับ Soft Skills เพื่อให้เข้าใจว่าทำไม Soft Skills จึงสำคัญและจำเป็นสำหรับเด็กยุคนี้
Soft Skills ทักษะสำหรับเด็ก คืออะไร
Soft Skills คือทักษะด้านการใช้ชีวิตซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญที่จำเป็นต้องพัฒนา เรียนรู้ และฝึกฝน ทั้งความสามารถด้านอารมณ์ การพัฒนาตนเอง และการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม โดยสามารถนำไปปรับใช้ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันทั้งทักษะในการฟัง ทักษะการพูด การทำงานเป็นทีม โดยส่วนหนึ่งต้องอาศัยการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ชีวิต แตกต่างจากทักษะทางด้าน Hard Skills ที่เป็นการรู้ทางทฤษฎีที่ได้มาจากการศึกษาและเรียนรู้ที่สามารถวัดผลได้
ดังนั้น การพัฒนาทักษะด้าน Soft Skills สำหรับเด็ก จึงสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะเกิดขึ้นได้จากทั้งการฝึกฝนและลงมือทำจริงเท่านั้นจึงควรเริ่มฝึกฝนและเรียนรู้ตั้งแต่เด็กเพื่อนำไปใช้ในการสื่อสารกับคนอื่น ฝึกความเป็นผู้นำ และสามารถทำงานเป็นทีม เพื่อนำไปใช้ในการเพิ่มศักยภาพในการทำงานและมีพื้นฐานที่ดีในการใช้ชีวิต และอยู่กับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ
Soft Skills ทักษะพัฒนาสติปัญญาสำหรับเด็กที่หลายคนพูดถึง
การพัฒนาและมุ่งเน้นไปที่ทักษะ Soft Skill สำหรับเด็กเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับโลกที่มีการแข่งขันสูง จึงจำเป็นต้องให้เด็กเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาทักษะทางด้านอารมณ์ ความคิด และการใช้ชีวิตกับคนอื่น โดยเกี่ยวข้องกับการพัฒนาสติปัญญาในแต่ละด้าน ดังนี้
1. ด้านความฉลาดทางอารมณ์
(Emotional Quotient - EQ)
การพัฒนาทักษะด้านความฉลาดทางอารมณ์ เป็นทักษะเริ่มแรกที่ช่วยพัฒนา Soft Skill สำหรับเด็ก โดยทำให้เด็กรับรู้และเข้าใจอารมณ์ทั้งของตนเองและผู้อื่น ทั้งการฝึกการควบคุมอารมณ์ การยับยั้งชั่งใจ เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถแสดงออกได้อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งมีความสามารถในการจัดการอารมณ์ของตนเอง และอารมณ์ของผู้อื่นได้ พร้อมที่จะเรียนรู้การเอาใจเขามาใส่ใจเรา และรู้จักมองโลกในแง่ที่เป็นบวก
2. ด้านความฉลาดในการแก้ไขปัญหา
(Adversity Quotient -AQ)
ต่อมาคือการพัฒนาทักษะด้านความฉลาดในการแก้ไขปัญหา เป็นทักษะที่เด็ก ๆ ต้องเรียนรู้และพัฒนาความคิดให้มีความยืดหยุ่นพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยความพยายามเพื่อเอาชนะปัญหาที่ยากลำบากได้ด้วยตนเอง และสามารถยอมรับความผิดพลาดของตัวเองได้ และพร้อมริเริ่มหรือลองทำอีกครั้งเพื่อให้สิ่งที่ทำประสบผลสำเร็จในที่สุด
3. ด้านความฉลาดในการริเริ่มสร้างสรรค์
(Creativity Quotient - CQ)
ความฉลาดในการริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการพัฒนา Soft Skill สำหรับเด็ก เพราะโลกในปัจจุบันต้องอาศัยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และจินตนาการเพื่อนำเสนอแนวคิดใหม่ ๆ ในหลากหลายรูปแบบ โดยสามารถนำไปใช้ในแง่ของการทำงาน หรือในแง่ของศิลปะ ซึ่งกิจกรรมส่งเสริมให้เด็กมี CQ ที่ดี ได้แก่ ศิลปะ การเล่าเรื่อง และของเล่น เป็นต้น
4. ด้านความฉลาดทางสังคม
(Social Quotient - SQ)
ความฉลาดทางสังคมคือสิ่งสำคัญในการพัฒนา Soft Skill สำหรับเด็ก เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมจึงไม่สามารถอยู่บนโลกนี้เพียงลำพังได้ ดังนั้น เด็กๆ จำเป็นต้องเรียนรู้และปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น รวมถึงรู้จักที่จะเห็นอกเห็นใจคนอื่น ยอมรับความแตกต่าง มองส่วนรวมเป็นเรื่องสำคัญ
10 ทักษะ Soft Skills พัฒนาเด็ก เพื่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพ
ทักษะ Soft Skills คือทักษะสำคัญจำเป็นที่ต้องหล่อหลอมและเรียนรู้ตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะเด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า หากเราต้องการให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ทักษะทางด้าน Soft Skills เหล่านี้คือทักษะสำคัญที่เด็กจำเป็นต้องเรียนรู้ โดยสามารถแบ่ง Soft Skills ได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ทักษะการจัดการตัวเอง (Self Management Skills) และทักษะการอยู่ร่วมกับผู้อื่น (Social Skills)
ทักษะการจัดการตัวเอง (Self Management Skills)
Self Management Skills หรือทักษะในการจัดการตนเอง เป็นทักษะที่มีไว้เพื่อใช้จัดการกับอารมณ์หรือพฤติกรรมของตัวเด็กเอง ทั้งความคิดและการกระทำ เพราะส่วนใหญ่เด็กในยุคนี้ขาดการจัดการอารมณ์ของตนเองและมีความอดทนต่ำ ดังนั้น การพัฒนา Soft Skills สำหรับเด็ก ในเรื่องการจัดการตนเองจะมุ่งเน้นให้เด็กสามารถจัดการพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของตนเอง และรู้จักอดทนต่อสิ่งเร้าหรือสิ่งรบกวนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
1. การมีทัศนคติที่ดี (Positive Attitude)
Positive Attitude เป็นทักษะ Soft Skill ที่ฝึกฝนให้เด็กมองเห็นคุณค่าในตัวของตนเอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เพื่อทำให้เด็กเชื่อมั่นในตนเอง เห็นคุณค่าในตนเอง สามารถเปิดกว้างในการมองโลก กล้าทำอะไรใหม่ ๆ มองอุปสรรคเป็นโอกาส เพราะในยุคที่มีเรื่องราวลบๆ เกิดขึ้นมากมาย หากมีทัศนคติที่ดี จะทำให้เด็กก้าวข้ามผ่านอุปสรรคไปได้อย่างง่ายดาย โดยที่ผู้ใหญ่ต้องไม่ปิดกั้นความคิดของเด็ก ๆ เพื่อให้เด็กได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ และสามารถก้าวข้ามผ่านปัญหาไปด้วยทัศนคติและจิตใจที่เข้มแข็ง
2. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
Soft Skills สำหรับเด็ก ที่ควรพัฒนาและฝึกฝนตั้งแต่วัยเยาว์ก็คือทักษะในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะกับเด็ก เพราะในช่วงวัยนี้จะไร้ข้อจำกัดทางความคิดทำให้เด็กมีจินตนาการสูง กล้าที่จะฝัน กล้าที่จะคิด และสามารถคิดได้หลายทิศทาง ซึ่งทำให้สามารถแก้ปัญหาในมุมมองใหม่ ๆ โดยการมีทักษะในด้านความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งสำคัญที่จะก่อให้เกิดแนวทางและนวัตกรรมใหม่ ๆ หรือ อาจทำให้เกิดสิ่งใหม่จากความคิดสร้างสรรค์นี้ได้ โดยผู้ใหญ่จำเป็นต้องส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของเด็กไม่ว่าจะเรื่องเทคโนโลยี ศิลปะ และกิจกรรมต่าง ๆ
3. ความคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking)
Soft Skills ทางด้านความคิดเชิงวิพากษ์ก็เป็นหนึ่งทักษะที่ทำให้เด็กฝึกฝนที่จะใช้ความคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งแม้จะยากในช่วงแรก ๆ แต่เมื่อเด็กได้ฝึกกระบวนการคิด ผ่านการตั้งคำถาม และทำให้เด็กสามารถตั้งสมมติฐาน และสามารถหาข้อสรุปได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้เด็กสามารถกล้าที่จะตั้งคำถาม และไม่หลงเชื่ออะไรง่าย ๆ หากผิดไปจากความเป็นจริง รวมถึงเปิดโอกาสให้เด็กทำงานร่วมกับผู้อื่น หรือทำงานเป็นทีมได้เป็นอย่างดี
4. การจัดการอารมณ์ (Emotional Management)
สำหรับทักษะในการจัดการทางด้านอารมณ์ เหมือนจะเรื่องง่าย แต่ทว่าไม่ง่ายเลยแม้กระทั่งกับผู้ใหญ่ก็ตาม โดยการฝึกฝนให้เด็กมีทักษะการจัดการกับอารมณ์ของตนเองจะทำให้เด็กรู้จักยับยั้งชั่งใจ และสามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างเหมาะสม รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง รวมถึงสามารถจัดการกับความรู้สึกของตนเองได้ ไม่ว่าเป็นอารมณ์โกรธ เศร้า หรือเสียใจ และสามารถหาวิถึทางแก้ไขได้อย่างถูกวิธีเพื่อระบายอารมณ์และความรู้สึกนั้น ๆ ออกมา
5. การจัดการเวลา (Time Management)
การฝึกฝนให้เด็กมี Soft Skills ในเรื่องของการจัดการเวลาไม่ว่าแค่การใช้เวลา 24 ชั่วโมง ที่มีอยู่เท่ากันทุกคนไปอย่างไร้ค่า แต่เป็นการจัดการเวลาเพื่อทำในสิ่งที่ตนเองสนใจ รวมถึงมีประโยชน์ต่อตนเองและสังคม นอกจากนี้เด็ก ๆ ทั้งหลายควรเรียนรู้ที่จะลำดับความสำคัญในสิ่งที่ควรทำก่อน และสิ่งที่สามารถทำได้ในภายหลัง โดยมีการตั้งเป้าหมายเอาไว้ในบางช่วง ซึ่งทักษะนี้ควรฝึกจนเป็นนิสัยเพื่อให้เวลาในช่วงชีวิตนี้ถูกใช้ไปอย่างเหมาะสม
6. การใฝ่รู้อยู่เสมอ (Curiosity and Lifelong Learning)
อีกหนึ่งทักษะ Soft Skills สำหรับเด็ก ที่เปิดโอกาศให้เด็ก ๆ สามารถพัฒนาทักษะและการเรียนรู้ใหม่ๆ ได้เสมอ คือทักษะที่ฝึกฝนในเรื่องของการใฝ่รู้ใฝ่เรียน ซึ่งเปิดโอกาสให้สามารถค้นหาความรู้ใหม่ๆ ทดสองทำสิ่งใหม่ โดยในอนาคตข้างหน้าเทคโนโลยีจะฉีกโลกใบเดิมให้กว้างมากขึ้น สิ่งนี้จะทำให้เด็กมีโอกาสเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา เพื่อเติบโตไปพร้อมโลกที่หมุนอย่างรวดเร็ว
ทักษะการอยู่ร่วมกับผู้อื่น (Social Skills)
นอกจากทักษะในการจัดการตนเอง Soft Skills สำหรับเด็กที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือ ทักษะในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น โดยทักษะนี้เป็นทักษะที่มีไว้เพื่อใช้สร้างความสัมพันธ์ ทำงานร่วมกับผู้อื่น เคารพความแตกต่าง ปรับตัวกับการอยู่ร่วมในสังคมได้ ดังนี้
7. การสื่อสาร (Communication)
แม้ว่าเด็กที่โตประมาณหนึ่งจะเริ่มสื่อสารและพูดได้ แต่สำหรับการฝึกฝน Soft Skills สำหรับเด็ก ในเรื่องของการสื่อสาร คือการฟังเพื่อจับใจความและสื่อสารออกไปได้อย่างเหมาะสม โดยไม่ใช้อคติในการสื่อสาร ซึ่งการสื่อสารที่ดีจะช่วยให้ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และระงับข้อบาดหมางได้ โดยต้องเปิดใจรับฟังความคิดเห็นอย่างไร้อคติ เลือกใช้ระดับของภาษาได้อย่างเหมาะสม และสามารถสื่อสารด้วยภาษาที่เข้าใจใจง่าย และมีท่าทางประกอบการสื่อสาร (Body Language) ที่ดี
8. การทำงานเป็นทีม (Teamwork)
การฝึกฝน Soft Skills สำหรับเด็ก ก็เพื่อสามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถปฏิบัติงานตามเป้าหมายที่ต้องเอาไว้ร่วมกันให้สัมฤทธิ์ผลและลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งการทำงานเป็นทีมนั้น ต้องมีการวางบทบาทและหน้าที่ของตนเองให้สัมพันธ์กับผู้อื่น รวมถึงสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ พร้อมกับรับผิดชอบในหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ได้รับ ไปพร้อม ๆ กับรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนร่วมทีม โดยไม่เกิดข้อบาดหมางระหว่างกัน และไม่กระทบถึงความสัมพันธ์กับเพื่อนในทีม
9. ความเป็นผู้นำ (Leadership)
มาถึงทักษะความเป็นผู้นำ (Leadership) คือการฝึกฝนให้เด็กมีทัศนคติและวิสัยทัศน์ที่สามารถนำและควบคุมทิศทางของเพื่อนร่วมทีมไปสู่ความสำเร็จได้ โดยการพัฒนา Soft Skills ในเรื่องนี้จะต้องฝึกฝนจากประสบการณ์จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ในการเป็นผู้นำที่ดี พร้อมที่จะรับความคิดเห็นของผู้อื่น และรับมือกับแรงกดดัน รวมถึงกล้าลงมือทำให้ส่งที่ส่งผลดีและเหมาะสมกับทีมของตนได้
10. การปรับตัวที่เหมาะสม (Flexibility and Adaptability)
มาถึงทักษะ Soft Skills สำหรับเด็ก เรื่องสุดท้าย คือการฝึกฝนให้เด็กมีความยืดหยุ่นในการจัดการสภาวะแวดล้อมรอบตัวได้อย่างเหมาะสม เพราะในยุคเทคโนโลยีแห่งนี้บริบทรอบตัวของเด็ก ๆ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น เด็กต้องมีการปรับตัวเพื่อเรียนรู้เรื่องใหม่ตลอดเวลา และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
หากเด็กขาด Soft Skills จะเป็นอย่างไร
หากเด็กขาด Soft Skills ก็เหมือนกับขาดทักษะการใช้ชีวิตไป โดยมีความสามารถอยู่กับตัว แต่ไม่มีความสามารถในการที่จะแสดงออกได้อย่างถูกและควรจึงส่งผลกับการใช้ชีวิตในอนาคต ดังนี้
- ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ขาดความมั่นใจในตัวเอง
- ไม่สามารถรับมือกับความล้มเหลวได้
- ขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
- ขาดทักษะการเข้าสังคม ปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นยาก
- ไม่กล้าเผชิญกับปัญหา และไม่มีวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม
- ขาดทักษะในการสื่อสารที่ดี
สรุป
Soft Skills สำหรับเด็ก เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยการหล่อหลอมและฝึกฝน โดยผ่านประสบการณ์จริงเพื่อให้เด็ก ๆ ในวันนี้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนตัวเองในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในแง่ของการพัฒนาสติปัญญา การจัดการตนเอง และการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น ซึ่งสำคัญกับโลกอนาคตที่โลกจะรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยการสื่อสารที่ไร้ขอบเขต โดยหนึ่งในทักษะที่เด็กต้องใช้ในทุกวันคือ ทักษะการสื่อสาร โดยเฉพาะการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาที่สอง หากเรียนรู้ไว เด็กก็จะมีการนำไปใช้สื่อสารได้ไว
โดย Speakup เป็นสถาบันสอนภาษาสำหรับเด็กเล็กที่มีอายุ 2.5 ถึง 12 ปี ทางสถาบันมีครูมืออาชีพ มากประสบการณ์ และมีเทคนิคการสอนภาษาที่หลากหลาย ประยุกต์มาสอนให้แตกต่างกันไปตามช่วงวัย ทำให้สามารถพัฒนาการทางด้านภาษาอังกฤษของเด็กได้ดี เด็กสามารถนำไปใช้สื่อสารได้อย่างเต็มที่
หมวดหมู่
- Blog (52)
- Uncategorized (1)
โพสต์ล่าสุด
- เลี้ยงลูกแบบ BLW ฝึกให้ลูกน้อยจับอาหารกินด้วยตัวเอง ทำได้อย่างไร
- Leadership คืออะไร และเทคนิคเลี้ยงลูกอย่างไรให้มีทักษะการเป็นผู้นำ
- ศิลปะการตัดกระดาษจีน กิจกรรมฝึกฝนสมาธิง่ายๆ พร้อมเรียนรู้วัฒนธรรม
- รวม 100 ประโยคกล่าวคำชื่นชมภาษาอังกฤษ ไว้ชื่นชมคนแบบไม่ซ้ำกัน
- รู้จักทฤษฎี Constructivism สอนเด็กให้กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก