fbpx

การส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็ก ปกครองสามารถทำได้ จากการสื่อสารที่แฝงไปด้วยการฝึกฝน บทความนี้มี 7 วิธีพัฒนาการด้านภาษาของเด็กอย่างเป็นธรรมชาติมาฝาก

7 วิธีการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็กเล็ก ฉบับผู้ปกครอง 2023

7 วิธีการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็กเล็ก ฉบับผู้ปกครอง 2023

7 วิธีการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็กเล็ก ฉบับผู้ปกครอง 2023

พัฒนาการของเด็กเล็กในด้านต่างๆ สามารถส่งเสริมได้โดยคุณพ่อคุณแม่หรือคนใกล้ชิด หากเด็กถูกละเลย หรือผู้ปกครองไม่สนใจพัฒนาการของเด็ก โดยเฉพาะเรื่องของภาษา ซึ่งเกี่ยวข้องกับทักษะในการสื่อสารที่เป็นพื้นฐานของการเรียนรู้และต่อยอดในด้านต่างๆ เด็กอาจจะมีปัญหาในการเรียนรู้ พูดช้า คิดช้า มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในอนาคตอย่างแน่นอน

ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรใส่ใจและสังเกตพัฒนาการในการเรียนรู้ของเด็ก เพื่อที่จะได้ส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาแบบไม่ขาดช่วง บทความนี้ Speak up ได้นำ 7 วิธีการพัฒนาการด้านภาษาของเด็กมาให้ผู้ปกครองได้นำไปส่งเสริมเด็กๆ ได้ตามความเหมาะสม

ความสำคัญของพัฒนาการด้านภาษาของเด็ก

ความสำคัญของพัฒนาการด้านภาษาของเด็ก

พัฒนาการด้านภาษาเป็นกระบวนการที่คนในสังคมปรับตัวและพัฒนาทักษะในการใช้ภาษาในด้านต่างๆ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดชีวิตของคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้การสื่อสาร พูด อ่าน เขียน ซึ่งมีการปรับปรุงตามเวลา โดยปัจจัยหลายอย่างส่งผลต่อการพัฒนาภาษา เช่น ประสบการณ์การเรียนรู้ สิ่งแวดล้อม การถูกแปลงภาษาตลอดเวลา และการมีโอกาสในการปฏิบัติตนในสถานการณ์ต่างๆ ที่ใช้ภาษาเป็นสื่อสารหลัก

ซึ่งต้องปูพื้นฐานมาตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิต การพัฒนาการด้านภาษาของเด็กจึงมีความสำคัญมาก ไม่สามารถปล่อยปละละเลยได้ เนื่องจากภาษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสาร การเรียนรู้ และการเข้าสังคม การพัฒนาภาษาของเด็กเล็กมีความสำคัญต่อพัฒนาทั้งกายและจิตใจ ที่จะสามารถนำไปต่อยอดการเรียนรู้ที่ต้องใช้ทักษะอื่นประกอบด้วย

การส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็กเริ่มที่อายุเท่าไร

การส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็กเริ่มที่อายุเท่าไร

การเรียนรู้ภาษาของมนุษย์นั้น เริ่มตั้งแต่ 2 เดือนแรก โดยจะเริ่มส่งเสียงร้อง เมื่อเกิดความต้องการหรือเกิดสิ่งผิดปกติต่อร่างกายตามสัญชาตญาณ โดยพัฒนาการทางภาษาของเด็กในช่วงอายุ 2-5 ปี เป็นช่วงที่สามารถเรียนรู้และมีการพัฒนาได้มากที่สุด จากสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งรอบตัว เมื่อได้ยินอะไรก็จะสามารถซึมซับ เลียนแบบ พูดตาม จนเกิดเป็นทักษะในการสื่อสารของเด็กในที่สุด

7 การส่งเสริมการพัฒนาการด้านภาษาของเด็ก

การพัฒนาด้านภาษาของเด็กขึ้นอยู่กับอายุและวัย แต่ตัวแปรที่สำคัญอีกอย่างก็คือการเลี้ยงดูของผู้ปกครอง ที่จะสามารถส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาอย่างไร ให้เด็กเรียนรู้และเกิดการเลียนแบบที่ดี ดังนั้นจึงต้องมีการพึ่งทฤษฎีการเรียนรู้ภาษาของเด็ก ดังนี้

1. สื่อสารพูดคุยกับเด็กให้มาก

การสื่อสารพูดคุยกับเด็กเป็นวิธีสร้างความสัมพันธ์ดี สร้างพื้นฐานทางภาษา และส่งเสริมการพัฒนาด้านภาษาของเด็กอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการสร้างพื้นฐานทางภาษาที่แข็งแรงให้เด็กพูดอย่างเปิดเผย สร้างศักยภาพภาษาในอนาคตของเด็ก

ตัวอย่าง

  • รับฟังอย่างใจเย็น: เมื่อเด็กพูด ต้องให้ความสำคัญและรับฟังอย่างใจเย็น ไม่ควรตักเตือน
  • ใช้ภาษาที่เหมาะสม: ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและเหมาะสมสำหรับเด็ก ไม่ควรใช้ภาษาที่ซับซ้อนเกินไปหรือต้องการคำแปลอีกที
  • สร้างช่วงเวลาพูดคุย: สร้างเวลาเฉพาะสำหรับพูดคุยกับเด็ก อาจเป็นเวลาที่ทานอาหารเย็นหรือเวลาก่อนนอน
  • เล่นเกมที่ใช้ภาษาเป็นสื่อสาร: เล่นเกมที่ต้องใช้ภาษาเพื่อแก้ปัญหา เช่น เกมทายคำ หรือเกมสร้างเรื่องราว

2. พูดช้าๆ ชัดๆ ซ้ำๆ

การพูดช้าๆ และซ้ำๆ เป็นวิธีการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็ก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารมาตรฐาน (Responsive Communication) โดยเป็นการเน้นใช้ภาษาที่ง่าย ชัดเจน และสอดคล้องกับพัฒนาการของเด็ก เพื่อให้เด็กเข้าใจและเรียนรู้ได้ดีขึ้น

ตัวอย่าง

  • หากเด็กยังไม่เข้าใจคำพูดในประโยค สามารถซ้ำคำพูดอีกครั้ง เพื่อให้เด็กมีโอกาสจับความหมายของคำพูด เช่น เวลากินข้าว ทำท่าทางตักข้าวใส่ปาก แล้วพูดช้าๆ ว่า “กินข้าว กินข้าว” เป็นต้น

3. เสริมหรือขยายคำพูดของเด็ก

การเสริมหรือขยายคำพูดของเด็กเป็นการสร้างโอกาสให้เด็กเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ และเพิ่มความรู้ความเข้าใจทางภาษา

ตัวอย่าง

  • ใช้คำเต็มๆ และรายละเอียด: เมื่อพูดคุยกับเด็กให้ใช้คำศัพท์ที่มีรายละเอียด เช่น แทนที่จะพูด “สุนัข” ผู้ปกครองสามารถพูดขยายได้ว่า “สุนัขพันธุ์ชิวาวา” เพื่อเพิ่มความรู้และความเข้าใจ
4. ร้อง เล่น เต้น กับเด็กๆ

4. ร้อง เล่น เต้น กับเด็กๆ

การร้อง เล่น เต้น กับเด็กเป็นวิธีที่สนุกสนาน เพลิดเพลิน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ปกครองกับเด็ก ไม่เพียงแต่ช่วยในการเรียนรู้คำศัพท์ แต่ยังช่วยพัฒนาทักษะการเข้าสังคม ทักษะการสื่อสาร เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์

ตัวอย่าง

  • การร้องเพลง: เพลงจะช่วยสร้างระเบียบวินัยของภาษาและคำศัพท์ให้กับเด็ก ลองร้องเพลงที่มีคำศัพท์เพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ เป็นการเพิ่มคำศัพท์ไปในตัว
  • การเต้น: การเต้นเป็นการช่วยส่งเสริมการเคลื่อนไหวตามประโยคเสียงเพลง 
  • การสร้างฉากการแสดง: สร้างฉากการแสดงที่เด็กสามารถเล่นบทบาทและพูดคุยได้ เช่น การจำลองการเล่นในร้านขายของ เสริมทักษะการสื่อสารการใช้ชีวิตจริง

5. ฝึกให้ทำตามคำสั่ง

การฝึกให้เด็กทำตามคำสั่ง จะช่วยสอนให้เด็กมีทักษะการฟัง การเข้าใจคำพูด และการปฏิบัติตามคำสั่ง เพื่อให้พัฒนาทักษะการใช้ภาษาในสื่อสารและการทำงานในชีวิตประจำวันได้ในอนาคต โดยเริ่มที่ระดับง่ายที่สุด และเมื่อเด็กทำได้ดีแล้วก็เพิ่มความซับซ้อนของคำสั่งเป็นลำดับถัดไป

ตัวอย่าง

  • ใช้คำสั่งเข้าใจง่าย: ให้คำสั่งที่มีชัดเจน และเข้าใจง่ายสำหรับเด็ก เพื่อให้เด็กเข้าใจและปฏิบัติตามได้ง่าย เช่น สั่งให้เก็บของ สั่งให้ล้างมือ
  • เล่นเกมและกิจกรรมที่ใช้คำสั่ง: เล่นเกมที่ใช้คำสั่งเพื่อให้เด็กปฏิบัติตามคำสั่ง เช่น เกม Simon Says หรือเกมสร้างสรรค์อื่นๆ
  • แสดงตัวอย่าง: ผู้ปกครองลองทำเป็นตัวอย่างให้เด็กดู ว่าปฏิบัติตามคำสั่งอย่างไร เพื่อให้เด็กมีแรงบันดาลใจที่จะทำตาม
  • เชื่อมโยงกับประสบการณ์: เชื่อมโยงคำสั่งกับประสบการณ์ในชีวิตประจำวันของเด็ก เช่น “ล้างมือก่อนทานข้าว” หรือ “ระวังไม่ไปใกล้ถนน”

6. ไม่เลี้ยงเด็กด้วยจอภาพ ลดการใช้เทคโนโลยี

การลดการใช้เทคโนโลยีและไม่เลี้ยงเด็กด้วยจอภาพเป็นการส่งเสริมการพัฒนาการด้านภาษาของเด็ก ที่เสริมภาษาผ่านทางกิจกรรมและประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน ช่วยสร้างศักยภาพทางภาษาและสังคมให้กับเด็ก ไม่ให้เด็กคุ้นชินกับจอมากกว่าการเข้าสังคมจริงๆ

ตัวอย่าง

  • สนับสนุนการพูดคุย: สร้างสถานการณ์ที่เกิดการพูดคุยและสนทนา ให้เด็กมีโอกาสพูดเรื่องราว แสดงความคิดเห็น และสื่อสารกับผู้ใหญ่
  • ทำกิจกรรมสร้างสรรค์: สนับสนุนเด็กในการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น วาดรูป ทำแบบจำลอง 
  • เล่นกลางแจ้ง: พาเด็กออกไปเล่นกลางแจ้ง เช่น เล่นในสวนสาธารณะ สวนเล่น หรือที่สวนสนุก
  • ให้เด็กได้เข้าสังคม: ให้เด็กมีโอกาสเข้าสังคมกับเพื่อนวัยเดียวกันหรือเด็กที่มีช่วงอายุเดียวกัน เพื่อสนับสนุนการพูดคุยและการสื่อสาร

สร้างกิจกรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์: สร้างกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับความสนใจและความต้องการของเด็ก เช่น การพาเด็กๆ ทำงานฝีมือ

7. อ่านนิทานพร้อมภาพประกอบ

การอ่านนิทานพร้อมภาพประกอบให้เด็กฟัง เป็นการสร้างสรรค์เรื่องราวด้วยภาพและเสียงไปพร้อมกัน ช่วยให้เด็กเข้าใจและเรียนรู้ภาษาอย่างสนุกสนาน

ตัวอย่าง

  • เลือกนิทานที่เหมาะสม: เลือกนิทานที่เหมาะสมกับอายุและความสนใจของเด็ก เพื่อให้เข้าใจและสนุกกับเนื้อหา
  • ช่วยอธิบายเนื้อหา: ในระหว่างการอ่าน รูปภาพจะอธิบายเนื้อหาของนิทานและช่วยเด็กเข้าใจคำศัพท์หรือสำนวนที่ไม่คุ้นเคยได้ดี
  • แสดงภาพประกอบ: ช่วยให้เด็กสามารถเห็นภาพตรงตามเนื้อหาในนิทานได้
  • ตั้งคำถามเพื่อกระตุ้นการคิด: หลังจากอ่านนิทาน ตั้งคำถามให้เด็กตอบ เพื่อกระตุ้นการคิดเชิงวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์
ประโยชน์ของการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็ก

ประโยชน์ของการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็ก

การส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็กมีประโยชน์มากมายต่อพัฒนาการทั้งทางภาษาและทักษะทั่วไปของเด็ก ได้แก่

ด้านการสื่อสาร สนทนา

การพัฒนาการด้านภาษาจะช่วยส่งเสริมทักษะการสื่อสารของเด็ก ทั้งในการพูด ฟัง อ่าน และเขียน ซึ่งเด็กที่ได้เรียนรู้ภาษาเพิ่มขึ้น จะสามารถแสดงความคิดเห็น แสดงความรู้สึก และสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ต่อยอดการเรียนรู้

ภาษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้ การมีทักษะในการอ่านและเขียนช่วยให้เด็กสามารถเรียนรู้เนื้อหาใหม่ๆ และเข้าถึงข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สามารถพัฒนาความคิด

การเรียนรู้ภาษา ช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะคิดเชิงวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์ การใช้ภาษาในการแก้ปัญหา การสร้างเรื่องราว

มีความรู้และความเข้าใจ

การใช้ภาษา จะสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งรอบตัว และความเข้าใจในเรื่องราว ความรู้ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยเด็กเติบโตไปด้วยความคิดรอบคอบ ทำให้เด็กรู้สึกมั่นใจในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

เตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ในอนาคต

การพัฒนาทักษะการพูดภาษาในช่วงเด็ก เป็นการเตรียมความพร้อมต่อการเรียนรู้ในอนาคต เด็กที่มีพื้นฐานทางภาษาที่แข็งแรงมักจะเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ได้ดีกว่า

ส่งเสริมทักษะสังคม

การพัฒนาทักษะด้านภาษา ช่วยเสริมความสามารถในการติดต่อสื่อสาร และการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น

สรุป

การส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็กมีความสำคัญมาก เนื่องจากมีผลกระทบต่อพัฒนาการทั้งทางภาษาและพัฒนาการทั่วไปของเด็กในรูปแบบต่างๆ เป็นพื้นฐานสำหรับการเรียนรู้ เพราะภาษาเป็นช่องทางสำคัญในการสื่อสาร ดังนั้นผู้ปกครองจึงต้องให้ความสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็กๆ เอาใจใส่ในการเลี้ยงดู 


แต่ทว่าบางครั้งผู้ปกครองอาจจะไม่มีเวลาเพียงพอในการเสริมสร้างทักษะด้านภาษา Speak Up Language Center คือผู้ช่วยที่ดีในการช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาอีกแรง เด็กสามารถเรียนได้ตั้งแต่ช่วงอายุ 2.5-12 ปี โดยคุณครูมืออาชีพที่มีประสบการณ์และเทคนิคการสอนภาษาเด็กเล็ก สามารถปูพื้นฐานชีวิตที่ดีให้กับเด็กและเสริมสร้างพัฒนาการทั่วไปของเด็กในระยะยาว