5 เคล็ดลับ ให้ลูกพูดได้สองภาษา ติดตัวไปจนโต และคล่องแคล่ว
เด็กสองภาษาเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็น เพราะเห็นถึงประโยชน์ในอนาคตของการได้มากกว่า 1 ภาษา อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองก็ยังเป็นกังวลและมีคำถามขึ้นมามากมาย “ไม่มั่นใจว่าลูกจะฟังเข้าใจไหม” “จะเร็วเกินไปหรือป่าวที่จะเพิ่มภาษาที่สอง” “ลูกจะสับสนไหม”
เราจะมาพูดถึง 5 เคล็ดลับให้ลูกได้สองภาษา โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ และ แม้ว่าลูกจะไม่ได้เรียนโรงเรียนอินเตอร์ที่มีราคาแพงๆ แต่ยังสามารถเลี้ยงลูกให้กลายเป็นเด็กสองภาษาได้
Speak and study with them: การพูดคุยและเรียนรู้ไปด้วยกัน
การพูดคุยและเรียนรู้ภาษาที่สองไปพร้อมๆกับลูก ทำให้เด็กไม่รู้สึกกดดัน ซึ่งวิธีที่ทำได้ง่ายๆก็คือ การอ่านนิทานง่ายๆเป็นภาษาอังกฤษให้ลูกฟังตั้งแต่ยังเล็ก ลูกอาจจะมีเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่วิธีนี้เป็นการกระตุ้นการได้ยินและรับข้อมลูของเด็ก โดยการปลูกฝังให้เด็กคุ้นเคยกับภาษาที่สอง เสมือนว่าเป็นภาษาแม่ของตนเอง ในบางครั้งผู้ปกครองอาจจะทำเป็นเหมือนไม่เข้า โดยบอกให้ลูกอธิบายให้ฟังหน่อยเป็นภาษาอังกฤษ ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยกระตุ่นความกล้าแสดงออก และ เสริมสร้างภาวะการเป็นผู้นำ รวมถึงการได้ฝึกโต้ตอบสนทนาบางอย่างธรรมชาติ
Find entertainment in that language: การหาความบันเทิงในภาษาที่สอง
ในแต่ละวันทุกครอบครัวจะมีช่วงเวลาพักผ่อน หรือ ผ่อนคล้ายที่แตกต่างกัน ซึ่งการเรียนรู้ภาษาที่สองนั้นไม่จำเป็นต้องทำผ่านการเปิดหนังสือเรียน แต่สามารถมาในรูปแบบความบันเทิงที่สอดแทรกภาษาที่เด็กๆได้ซึมซับโดยไม่รู้ตัว เช่นการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมเป็นภาษาอังกฤษ อาจจะฟังดูยาก “ไม่มั่นใจว่าลูกจะฟังเข้าใจไหม” แต่แท้จริงแล้วการเรียนภาษาในสภาพแวดล้อมที่เหมือนไม่ได้เรียน สนุก และ ผ่อนคลาย ทำให้เด็กๆจำจดได้ดีที่สุด มากไปกว่านั้นความบันเทิงในรูปแบบภาษาที่สองยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับครองครัวได้เรียนรู้ไปด้วยกัน
Have them join language course: เข้าคอร์สเรียนภาษา
การเข้าคอร์สภาษาอังกฤษเสริมของผู้ปกครองและเด็กเป็นอีกวิธีช่วยให้เรียนภาษาที่สองได้เร็วขึ้น คำถามที่พบบ่อยๆจากผู้ปกครอง “จะเร็วเกินไปหรือป่าวที่จะเพิ่มภาษาที่สอง” คำตอบคือ ยิ่งเรียนภาษาที่สองเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี มากไปกว่านั้น เด็กๆควรรับการเรียนภาษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ปกครองสามารถเลือกสถาบัน และ คอร์สเรียนที่เหมาะสมตามปัจจัยดังนี้:
- จำนวนนักเรียนไม่มากเกินไปต่อห้อง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3-6 คน
- แบ่งกลุ่มนักเรียนในช่วงอายุเดียวกัน 3-5 ขวบ / 6-8 ขวบ / 9-12 ขวบ
- กิจกรรมการสอนหลากหลาย / ไม่เน้นการเรียนแบบท่องจำ
คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกมีส่วนรวมในการตัดสินใจกับคอร์สเรียน โดยการถามความคิดเห็นหลังได้ทดลองเรียน มากไปกว่านั้นผู้ปกครองก็สามารถหาคอร์สเรียนเสริมเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษให้ลูกได้เช่นเดียวกัน
Find similar interests in your community: ค้นหากลุ่มคนที่มีความสนใจในภาษาที่สองเหมือนกัน
การเรียนรู้ที่ไม่มีขีดจำกัดส่วนใหญ่ เกิดขึ้นภายนอกห้องเรียน (outdoor) การเรียนภาษาที่สองก็เช่นเดียวกัน การที่เด็กๆได้มีสังคมที่มีความสนใจภาษาที่สองเหมือนๆกัน ได้พูดคุยกัน ขี่จักรยานด้วยกัน ได้เล่นด้วยกัน แล้วสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษในระหว่างทำกิจกรรมนั้นเป็นการฝึกทักษะการฟัง และ พูดได้ดีเยี่ยม ดังนั้นปัจจัยที่คุณพ่อคุณแม่บางท่านเป็นกังวลว่า “ลูกจะสับสนไหม” ก็จะถูกตอบได้อย่ามั่นใจว่า ลูกไม่ได้รู้สึกสับสน หรือ ตรึงเครียดในการซึบซัมภาษาที่สอง และ ยังสามารถสื่อสารกับเพื่อนที่เล่นด้วยกันเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างอสิระ ในขณะที่หันไปสื่อสารกับ คุณน้าข้างบ้านเป็นภาษาไทย เพราะสมองของเด็กสามารถแบบ 2 ช่องภาษาอัตโนมัติ ยิ่งทำให้สมองมีการทำงานอย่างตื่นตัว และ ประมวลผลได้ดีกว่าเด็กที่ได้ 1 ภาษา
Use apps and online tools: ใช้แอพพลิเคชั่นและเครื่องมืออนไลน์
ในยุคปัจจุบันเลียกเลี่ยงไม่ได้ที่จะห้ามลูกเล่นแทบเล็ต ซึ่งผู้ปกครองสามารถใช้แอพพลิเคชั่น หรือ เครื่องมือออนไลน์ค้นหาแอพพลิเคชั่นที่เสริมสร้างทักษะภาษาที่สอง โดยเฉพาะ แอพที่ฝึกการอ่าน และ การเขียน โดยการเรียนรู้ในรู้แบบนี้ต้องกำหนดกติกาและจำกัดเวลาในการใช้แอพพลิเคชั่นตามความเหมาะสมของแต่ละครอบครัว
บทสรุป 5 เคล็ดลับ ให้ลูกพูดได้สองภาษา ติดตัวไปจนโต และคล่องแคล่ว
- การพูดคุยและเรียนรู้ไปด้วยกัน
ทำได้ง่ายที่สุด สามารถเกิดขึ้นได้ภายในครอบครัวผ่านการอ่านนิทาน หรือ ทำกิจกรรมร่วมกัน
- การหาความบันเทิงในภาษาที่สอง
การสร้างสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของครอบครัว ทั้งสนุกและได้ความรู้ ผ่านความบันเทิง เช่น ดูหนัง ฟังเพลง
- เข้าคอร์สเรียนภาษา
ผู้ปกครองเลือกคอร์สเรียน และ สถาบันที่มีความเชี่ยวชาญในการสอนภาษาเด็ก ซึ่ง
SpeakUp Language Center ตอบโจทย์ และ มีสาขาให้เลือกมากมาย
- ค้นหากลุ่มคนที่มีความสนใจในภาษาที่สองเหมือนกัน
การที่เด็กๆมีเพื่อนเล่น หรือ พูดคุยรุ่นเดียวกัน โดยมีความสนใจภาษาที่สองเหมือนกัน สามารถฝึกทักษะการฟัง และ พูดได้ดีเยี่ยม
- ใช้แอพพลิเคชั่นและเครื่องมืออนไลน์
แอพพลิเคชั่น เป็นอีกเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริม ทักษะภาษาที่สอง โดยเฉพาะ การอ่าน และ การเขียน โดยจะเกิดประโยชน์ที่สูงสุดหากอยู่ในการควบคู่ของผู้ปกครอง