fbpx

“พินอินจีน” ตัวช่วยที่ทำให้การอ่านภาษาจีนสำหรับเด็ก ไม่ยากอีกต่อไป

สารบัญ
รวมความรู้เกี่ยวกับพินอินจีน ตัวช่วยการอ่านภาษาจีนสำหรับเด็ก

"พินอินจีน" ตัวช่วยที่ทำให้การอ่านภาษาจีนสำหรับเด็ก ไม่ยากอีกต่อไป

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้เจ้าตัวเล็กเริ่มพูดภาษาจีนกลาง หรือจีนแมนดาริน ได้กันตั้งแต่เด็กๆ แต่รู้สึกว่า ตัวอักษรจีนนั้นดูยาก หรือมีหลายตัวที่เสียงที่คล้ายคลึงกัน การเริ่มทำความรู้กับพินอินภาษาจีนก่อนจะช่วยให้การเรียนรู้ภาษาจีนกลางนั้นง่ายยิ่งขึ้น

บทความนี้ จะพาไปทำความรู้จักว่าพินอินภาษาจีนคืออะไร พินอินพยัญชนะ และสระภาษาจีนมีอะไรบ้าง รวมถึง ตารางพินอินภาษาจีนแบบพื้นฐานให้ได้ทำความรู้จักกัน

พินอิน(Pinyin) คืออะไร

พินอิน(Pinyin) คืออะไร? ทำไมพ่อแม่ควรให้ลูกเรียน

พินอิน (拼音 – Pinyin) หรือ ฮั่นอวี่พินยิน (汉语拼音 – Hanyu Pinyin) คือ ระบบการเทียบเสียงภาษาจีน ด้วยการใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษแทน โดยภาษาจีนสำเนียงที่ใช้เป็นมาตรฐานจะเป็นภาษาจีนกลาง หรือที่เรียกว่า “จีนแมนดาริน” ซึ่งพินอินจีน จะประกอบด้วย 3 ส่วนที่ใช้ในการออกเสียง ได้แก่

  • พินอินพยัญชนะ จำนวน 23 เสียง
  • พินอินสระ แบ่งเป็นสระเดี่ยวจำนวน 6 เสียง และสระประสมจำนวน 30 เสียง
  • พินอินวรรณยุกต์ จำนวน 4 เสียง

ความสำคัญของพินอีนจีนช่วยเพิ่มพัฒนาการทางภาษาลูก มีอะไรบ้าง

เนื่องจากภาษาจีนถือเป็นหนึ่งในภาษาที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในโลก ทำให้ตัวอักษรจีนยังใช้ระบบตัวอักษรภาพ (Pictogram) หรือตัวอักษร 1 ตัวแทน 1 คำ ซึ่งจะแตกต่างจากภาษาส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เช่น ภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ ที่จะใช้ระบบตัวอักษรแทนเสียงพยัญชนะ และสระ ก่อนนำมาประกอบเป็นคำที่มีความหมาย

พินอินภาษาจีนมีความสำคัญทั้งกับเจ้าของภาษาและผู้ที่เรียนรู้ภาษาจีน ในแง่มุมต่างๆ ดังนี้

  • การออกเสียง เนื่องจากภาษาจีนเป็นอีกภาษาที่มีเสียงวรรณยุกต์ กล่าวคือ คำที่มีเสียงพยัญชนะและเสียงสระเดียวกัน แต่เสียงวรรณยุกต์ต่างกัน ก็จะมีความหมายต่างกัน เช่น 马(mǎ – ม่า) แปลว่า ม้า กับคำว่า 妈 (mā – มา) แปลว่า แม่ เป็นต้น พินอินจึงช่วยให้สามารถอ่านออกเสียงคำในภาษาจีนได้อย่างถูกต้อง 
  • การค้นหาข้อมูลด้วยการพิมพ์ เนื่องจากบนแป้นคีย์บอร์ดจะใช้ระบบตัวอักษร เช่น ตัวอักษรภาษาอังกฤษ การเข้าใจพินอินจะช่วยให้ผู้ใช้ภาษาจีน สามารถพิมพ์พินอิน และค้นหาคำที่ต้องการได้ แทนที่จะต้องเขียนขีดภาษาจีนทีละตัว นอกจากจะช่วยเรื่องความสะดวกแล้ว ยังช่วยลดโอกาสผิดพลาดในการเขียนตัวอักษรจีนผิดอีกด้วย เพราะการเขียนผิดแค่ขีดเดียว ความหมายก็สามารถเปลี่ยนได้
เสียงพยัญชนะพินอินจีน

เสียงพยัญชนะพินอินจีน

เสียงพยัญชนะพินอินในภาษาจีน จะประกอบไปด้วยเสียงจำนวน 23 เสียง โดยหากเทียบเคียงกับการออกเสียงภาษาไทย จะมีวิธีการอ่าน และท่องจำง่ายๆ ดังนี้

  • b ปอ 
  • p พอ 
  • m มอ 
  • f ฟอ 
  • d เตอ 
  • t เทอ 
  • n เนอ
  • l เลอ
  • g เกอ
  • k เคอ
  • h เฮอ
  • j จี
  • q ชี
  • x ซี
  • z จือ
  • c ชือ
  • s ซือ
  • zh จรือ
  • ch ชรือ
  • sh ซรือ
  • r ยรือ
  • y ยี
  • w อู

จุดสังเกตตัวเองว่าออกเสียงถูกต้องหรือไม่ และเทคนิคเพิ่มเติมในการออกเสียง มีดังนี้

  • พยัญชนะที่จะเกิดบริเวณริมฝีปาก คือ b p m f 
  • พยัญชนะที่ใช้ปลายลิ้นแตะเพดานแข็ง คือ d t n l
  • พยัญชนะที่ทำให้ช่วงลำคอสั่น คือ g k h
  • พยัญชนะที่ปล่อยเสียง คือ j q x y
  • พยัญชนะที่ปลายลิ้นแตะหลังปลายฟันล่าง โดยออกเป็นเสียงสั้น คือ z c s
  • พยัญชนะที่ต้องพับลิ้น หรือปลายลิ้นแตะเพดานอ่อน โดยออกเสียงยาว คือ zh ch sh r
  • พยัญชนะที่ต้องห่อปาก คล้ายเป่าลม คือ w

เสียงสระพินอินจีน

เสียงสระพินอินในภาษาจีน จะแบ่งออกเป็นสระเดี่ยว แบ่งเป็นสระเดี่ยวจำนวน 6 เสียง และสระประสมจำนวน 30 เสียง โดยหากเทียบเคียงกับการออกเสียงสระภาษาไทย จะมีวิธีการอ่าน ดังนี้

สระเดี่ยวพินอิน

  • a อา
      • ออ 
      • โอ
      • เออ 
      • เอ เมื่ออยู่หน้า y
      • อี เมื่อไม่มีเสียงพยัญชนะในตำแหน่งตัวสะกด และเสียงพยัญชนะต้นไม่ใช่ z c s zh ch sh และ r
  • อิ เมื่อมีเสียงพยัญชนะในตำแหน่งตัวสะกด และเสียงพยัญชนะต้นไม่ใช่ z c s zh ch sh และ r
      • อือ เมื่อเสียงพยัญชนะต้นเป็น z c s zh ch sh และ r
  • u อู
  • ü อูวี (การออกเสียงอู ด้วยการห่อปาก

พินอินสระประสม

  • ai ไอ
  • ao เอา
  • an 
      • อัน
      • อาน
  • ang 
      • อัง
      • อาง
  • ong อง
  • ou โอว
  • ei เอย์
  • en เอิน
  • eng เอิง
  • er เออร์ (ออกคล้ายเสียง “เออ” ในภาษาไทย แต่ปลายลิ้นม้วนขึ้นและแตะเพดานแข็ง)
  • ia เอีย
  • iao เอียว
  • ie อีเย (ออกไวๆ ให้เป็นเสียงเดียว)
  • iu ยิว
  • ian เอียน
  • iang เอียง
  • in อิน
  • ing อิง
  • iong อีอง (ออกไวๆ ให้เป็นเสียงเดียว)
  • ua วา
  • uo อัว
  • ui อุย
  • uai ไอว
  • uau อวน
  • un อุน
  • uang อวง
  • ueng เวิง
  • üe เยว
  • üan เอวียน (ออกไวๆ ให้เป็นเสียงเดียว)
  • ün อวิน (ออกไวๆ ให้เป็นเสียงเดียว)

เสียงวรรณยุกต์พินอินจีน

เสียงวรรณยุกต์พินอินในภาษาจีน จะแบ่งออกเป็น 4 เสียง แต่จะมีเสียงพิเศษที่เรียกว่า เสียงเบา อยู่ด้วย โดยหากเทียบเคียงกับการออกเสียงสระภาษาไทย จะมีวิธีการอ่าน ดังนี้

  • เสียงหนึ่ง จะเท่ากับเสียงสามัญในภาษาไทย
  • เสียงสอง จะเท่ากับเสียงจัตวาในภาษาไทย
  • เสียงสาม จะเท่ากับเสียงเอกในภาษาไทย
  • เสียงสี่ จะเท่ากับเสียงโทในภาษาไทย
  • เสียงเบา หรือเป็นพยัญชนะที่ไม่มีเสียงวรรณยุกต์ การออกเสียงจะคล้ายกับเสียงหนึ่ง แต่ออกเพียงครึ่งเสียง หรือสั้นกว่า

ทั้งนี้ ในการวางเสียงวรรณยุกต์จะวางไว้บนสระตัวแรก เช่น 猫 (māo-มาว)แมว

ตารางพินอินจีนสำหรับฝึกลูกๆในการออกเสียงและอ่านคำภาษาจีน

ตารางออกเสียงพินอินจีน

หลังจากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพินอินภาษาจีนทั้งเสียงพยัญชนะ เสียงสระ และเสียงวรรณยุกต์กันไปแล้ว ต่อไปนี้จะเป็นตารางพินอัน สำหรับได้ฝึกกัน

ตารางออกเสียงพินอินจีน

เคล็ดลับในการเรียนพินอินจีนให้ได้ผลดี มีอะไรบ้าง

สำหรับเคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้การเรียนพินอินภาษาจีน และเข้าใจภาษาจีนได้ดีขึ้น ดังนี้

  • จำความแตกต่างระหว่างพินอินและภาษาอังกฤษ แม้หน้าตาของตัวอักษรพินอินจะใกล้เคียงกับภาษาอังกฤษมาก แต่ก็มีการออกเสียงที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ พินอินยังมีกฎเกณฑ์ในการอ่านและการประสมคำที่แตกต่างจากภาษาอังกฤษอีกด้วย 
  • ใช้ตัวช่วยฝึกพินอินภาษาจีน ในปัจจุบันมีเครื่องมือที่จะช่วยในการเรียนรู้เกี่ยวกับพินอินมากมาย เช่น Google Input Tools หรือตารางพินอินจีนกลาง
  • ฝึกใช้เป็นประจำ การฝึกใช้ภาษาที่กำลังเรียนอยู่เป็นประจำ จะช่วยเพิ่มความคุ้นเคยกับภาษานั้น ทำให้สามารถใช้ภาษาได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ หากฝึกสื่อสารกับเจ้าของภาษาหรือสถาบันสอนภาษาจีนสำหรับเด็กเล็กที่สอนโดยเจ้าของภาษาโดยตรง จะยิ่งทำให้มีตัวอย่างของสำเนียงที่ถูกต้องอีกด้วย

เก่งพินอินยิ่งขึ้นกับคอร์สจาก SpeakUp Language Center

สรุป

พินอินภาษาจีน ทั้งพินอินพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ ถือเป็นพื้นฐานของการเรียนภาษาจีน สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากจะให้เจ้าตัวเล็กเริ่มเรียนภาษาจีนกลาง สามารถลองหาตารางพินอินภาษาจีนแบบพื้นฐานมาฝึกกันได้ นอกจากนี้ การมีเคล็ดลับในการเรียนจะช่วยให้การเรียนพินอินได้ดียิ่งขึ้น เช่น การฝึกเป็นประจำ ใช้ตัวช่วยฝึกพินอิน หรือจำความแตกต่างระหว่างระบบพินอินและภาษาอังกฤษ เป็นต้น