สนุกกับ 5 กิจกรรมกลางแจ้ง เด็กอนุบาล-ปฐมวัย เสริมทักษะทางร่างกาย

ในยุคสมัยปัจจุบัน ที่วิถีการเรียนรู้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงวิกฤตโควิด ที่ทางรัฐบาลได้มีมาตรการให้ประชาชนกักตัว การทำกิจกรรมนอกบ้านจึงเรียกได้ว่าเป็นไปได้ยากมาก พ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของลูกได้แค่ภายในพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘บ้าน’ และเรียนรู้ทักษะต่างๆ ผ่านสื่อต่างๆ ผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

อย่างไรก็ตาม เด็กปฐมวัยมักชอบกิจกรรมกลางแจ้งเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นกิจกรรมที่ได้ลงมือทำจริง แถมยังได้สนุกกับเพื่อนๆ อีกด้วย บทความนี้จะมาพาเด็กๆ ไปสนุกกับ 5 กิจกรรมกลางแจ้งสำหรับเด็กอนุบาล-ปฐมวัย เพื่อเสริมทักษะทางด้านอารมณ์ และทักษะทางด้านร่างกายกัน ไปดูเลย!

กิจกรรมกลางแจ้งสำหรับเด็กปฐมวัย สำคัญอย่างไร?

สำหรับเด็กๆ ที่กำลังอยู่ในวัยเรียนรู้นั้น ทักษะบางอย่างก็จำเป็นต้องอาศัยการทำกิจกรรมกลางแจ้งมากกว่า เพราะการเรียนรู้ที่ดีผ่านการได้เผชิญกับบางสิ่งบางอย่างจริงๆ

การเรียนรู้ในทักษะบางอย่าง จะเป็นการดีมากกว่าถ้าจะสอนให้ลูกเข้าใจได้ตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อการรักษาสมดุลการใช้ชีวิต จึงควรแบ่งเวลาให้เด็กปฐมวัยมาทำกิจกรรมกลางแจ้งบ้าง เพื่อการพัฒนาการที่ดี ดังนี้

ลดเวลาอยู่หน้าจอสื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้น้อยลง
เสริมทักษะทางด้านร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น
เพิ่มปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยตรง
เสริมสร้างทักษะทางด้านอารมณ์ให้ดีขึ้น

สนับสนุนให้เด็กปฐมวัยทำกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างไร?

หากเด็กๆ คุ้นเคยกับการจ้องหน้าจอตลอดทั้งวัน ก็อาจเป็นการยากที่จะทำให้ลูกออกมาสู่โลกภายนอก ดังนั้น มาดูตัวอย่างกิจกรรมกลางแจ้งของเด็กอนุบาล-ปฐมวัย เพื่อให้เพลิดเพลินกับการเรียนรู้ที่จะเกิดขึ้นนี้กันดีกว่า!

1. เริ่มต้นจากกิจกรรมง่ายๆ

การเริ่มต้นมักน่ากลัวเสมอ โดยเฉพาะถ้าหากมันเป็นครั้งแรกที่คุณต้องออกมาจากสิ่งที่คุณคุ้นชินมาตลอด เหล่าผู้ปกครองอาจจะเริ่มต้นด้วยการคอยอยู่เคียงข้างพวกเขา เพื่อเป็นที่พักพิงให้ลูกยามพวกเขากังวล คอยสังเกตว่าลูกๆ รู้สึกอย่างไร เมื่อแน่ใจว่าเขาคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่แล้ว ต่อไปคุณอาจจะคอยมองพวกเขาอยู่ข้างหลังแทน เพื่อให้ลูกๆ ได้เผชิญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และเรียนรู้สิ่งนั้นด้วยตัวเอง

หากกังวลว่าจะเริ่มจากสถานที่แบบไหนดี ลองเริ่มต้นด้วยการพาลูกออกมาเดินเล่นบริเวณสวนในบ้าน หรือในบริเวณอาณาเขตใกล้ๆ บ้าน เพื่อให้เขาไม่กลัวการออกมาเผชิญโลกภายนอกมากเกินไป จากนั้นก็อาจพาไปบริเวณสวนสาธารณะที่ไกลบ้านสักหน่อย เพื่อที่จะได้เพิ่มทักษะการเข้าสังคม และทำความรู้จักกับคนอื่นๆ ด้วย

2. เลือกกิจกรรมที่สนุกสนาน

เมื่อสามารถกระตุ้นให้ลูกออกมาจากบ้านได้แล้ว ต่อมาก็ชักชวนลูกๆ ไปทำกิจกรรมสนุกๆ กันดีกว่า เพราะการออกมาเดินเล่นอาจจะน่าเบื่อเกินไป อาจจะลองสังเกตงานอดิเรกของลูกๆ ว่ามีอะไรที่เขาสนใจมากเป็นพิเศษไหม ตัวอย่างเช่น เด็กบางคนชอบเล่นเกมเกี่ยวกับกีฬา การชักชวนลูกๆ เล่นกีฬากลางแจ้งที่พวกเขาชื่นชอบนอกสถานที่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีเลย

3. เลือกสถานที่ที่หลากหลาย

แต่ละสถานที่ก็ต่างมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่แตกต่างกัน จึงไม่ควรจำกัดพื้นที่การเรียนรู้แค่เฉพาะบริเวณบ้านเท่านั้น เพราะสถานที่ใหม่ๆ หรือผู้คนใหม่ๆ ย่อมเสริมสร้างจินตนาการให้ลูกได้ดีมากยิ่งขึ้น อาจจะเริ่มจากสนามเด็กเล่นของชุมชน ต่อมาอาจจะขยายไปบริเวณพื้นที่ที่ไกลออกไปอีก เพื่อให้ลูกๆ ได้เจอผู้คนที่หลากหลาย มีอิสระทางการเรียนรู้ พร้อมสัมผัสกับประสบการณ์ทางด้านอารมณ์ และการเข้าสังคม เพื่อสร้างความมั่นใจให้มากยิ่งขึ้น

4. สนับสนุนให้ทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น

เพื่อให้เด็กปฐมวัยสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้ง และตื่นเต้นมากขึ้น จำเป็นต้องสนับสนุนให้เด็กทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เพราะการอยู่ร่วมกันเป็นสังคมนั้น จะช่วยเสริมสร้างทักษะทางด้านอารมณ์ ความเป็นผู้นำ ความคิดสร้างสรรค์ และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น อาจจะร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ตัวอย่างเช่น การแข่งวิ่งผลัด วิ่งไล่จับ เกมตามล่าหาสมบัติ เป็นต้น

5 กิจกรรมกลางแจ้งของเด็กปฐมวัย ร่างกายแข็งแรง ทำได้ไม่มีเบื่อ

ผู้ปกครองต้องแบ่งเวลาไว้ เพื่อพาเด็กๆ ไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ซึ่งมี 5 กิจกรรมกลางแจ้งสำหรับเด็กอนุบาล-ปฐมวัย ที่ช่วยเสริมสร้างทักษะทางอารมณ์ และทางร่างกายให้แข็งแรง รับรองว่าเล่นกับลูกได้ ไม่มีเบื่อแน่นอน!

1. กิจกรรมปลูกต้นไม้

กิจกรรมปลูกต้นไม้ เป็นกิจกรรมกลางแจ้งที่ช่วยให้ลูกอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ซึ่งเหมาะสมมากที่จะช่วยพัฒนาทักษะต่างๆ ให้กับลูกได้ ดังนี้

ฝึกทักษะการตั้งเป้าหมาย ด้วยการให้ลูกคิดว่าอยากจะปลูกต้นอะไร เพื่อเป็นการฝึกให้เขาคิด วิเคราะห์ก่อนลงมือทำจริง
ฝึกทักษะการตัดสินใจ ด้วยการให้ลูกวางแผนการปลูกต้นไม้ที่เลือก ว่าควรปลูกบริเวณไหนดี หรือควรปลูกวิธีไหน เพื่อฝึกให้ลูกตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
ฝึกทักษะความรับผิดชอบ ด้วยการให้ลูกดูแลต้นไม้ด้วยตัวเอง พร้อมทั้งให้ลูกคิดว่าต้องดูแลรักษาอย่างไรให้ต้นไม้เจริญเติบโตมากขึ้น
ฝึกทักษะความอดทน รวมทั้งฝึกทักษะการสังเกตความเปลี่ยนแปลง ด้วยการให้เขาเฝ้าดูการเติบโตของต้นไม้ที่ปลูก และคอยจัดการปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเจริญเติบโตของต้นไม้

2. กิจกรรมออกกำลังกาย

ต่อมาเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างทักษะทางด้านร่างกายอย่างกิจกรรมการออกกำลังกาย เพราะการเติบโตทางด้านร่างกายก็สำคัญพอๆ กับการเติบโตทางด้านอารมณ์นั่นเอง ตัวอย่างกิจกรรมมีดังนี้

เต้นแอโรบิก เป็นการออกกำลังกายที่สนุก ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขน และขาด้วย แถมยังช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ดี ช่วยคลายเครียดมากขึ้น
ว่ายน้ำ เป็นกิจกรรมการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างร่างกายในทุกส่วน แถมยังช่วยฝึกการหายใจ และที่สำคัญยังช่วยฝึกการเอาตัวรอดหากเกิดจมน้ำได้อีกด้วย
เตะฟุตบอล เป็นกีฬาที่เล่นกันหลายๆ คน จึงช่วยสร้างความสามัคคีให้กับคนในทีม แถมยังช่วยฝึกการเคลื่อนไหว เสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายด้วย
เล่นปิงปอง เป็นกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาความแข็งแรงทางด้านร่างกาย และช่วยพัฒนาไหวพริบได้ดี เพราะจำเป็นต้องมีสมาธิอยู่กับลูกปิงปองเสมอ

3. กิจกรรมทริปแคมป์ปิ้ง

อีกหนึ่งกิจกรรมกลางแจ้งของเด็กปฐมวัยที่ไม่ควรพลาด อย่างการแคมป์ปิ้ง เพราะเด็กจะสามารถฝึกทักษะการเอาตัวรอดในการใช้ชีวิตในป่า ในสถานที่ที่ปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพิ่มทักษะการหาทางแก้ปัญหา ทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แม้จะอยู่ในช่วงคับขันเพิ่มทักษะการทำงานเป็นทีม เพื่อให้การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นไปด้วยดี

นอกจากนี้ การแคมป์ปิ้งยังช่วยลดความตึงเครียดในเด็กได้ดี เพราะรายล้อมไปด้วยสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการผ่อนคลาย แถมยังเป็นกิจกรรมที่ทั้งสนุกสนาน และมีประโยชน์ไปด้วยในคราวเดียวกัน

หากกำลังวางแผนที่จะพาลูกๆ ไปทำกิจกรรมแคมป์ปิ้ง เพื่อเสริมสร้างทักษะดังกล่าว ไปดูสถานที่แคมป์ปิ้งที่น่าสนใจกันดีกว่า!

อโป แคมป์ ไลฟ์ จ.นครนายก
แคมป์ไฟ คาเฟ่ เขาใหญ่
มาดูธาร แคมป์ปิ้ง จ.สระบุรี
บ้านตาหรั่ง แคมป์ปิ้ง จ.สุพรรบุรี
ภูผา คอฟฟี่ แคมป์ จ.ราชบุรี

4. กิจกรรมเล่นเครื่องเล่นในสวนสาธารณะ

ถ้าว่างๆ แต่ไม่อยากไปที่ไกลๆ ลองพาลูกไปเล่นเครื่องเล่นที่สวนสาธารณะใกล้บ้านก็ได้ ซึ่งกิจกรรมนี้ช่วยพัฒนาทักษะต่างๆ เช่น ทักษะการเข้าสังคม การได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น การเสริมสร้างให้ลูกเกิดจินตนาการอย่างเต็มที่ เพื่อเสริมความมั่นใจ และช่วยพัฒนาทักษะทางด้านอารมณ์ให้สมดุล และมั่นคงอยู่เสมอ

ซึ่งเครื่องเล่นต่างๆ ก็มีประโยชน์ หรือข้อดีมากมาย ช่วยเสริมทักษะทางด้านร่างกาย ดังนี้

กระดานลื่น ช่วยเรื่องการทรงตัว และการกะน้ำหนักที่เหมาะสม
กระดานหก ช่วยเรื่องการใช้แรง และการสร้างบาลานซ์ร่างกายที่เหมาะสม
บาร์โหน ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อ แถมยังสร้างความท้าทายได้ดี
เครื่องปีนป่าย ช่วยให้วิเคราะห์เรื่องการกะระยะของมือที่ใช้ปีน และการทรงตัว
ชิงช้า ช่วยเรื่องการทรงตัวไม่ให้ตก แถมยังกระตุ้นระบบหูชั้นในอีกด้วย
บ่อทราย เป็นกิจกรรมช่วยสร้างจินตนาการได้ดี ด้วยการทำเป็นรูปต่างๆ ที่ต้องการ

5. กิจกรรมเปิดโลกกว้างที่สวนสัตว์

วัยเด็ก เป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกอย่าง แม้การเรียนรู้ภายในห้องเรียนจะเพียงพอที่จะทำให้เด็กๆ รับรู้ว่าสัตว์ตัวไหนมีลักษณะแบบไหน แต่การได้ไปสัมผัสกับประสบการณ์จริงย่อมดีกว่า

การพาลูกๆ ไปเปิดประสบการณ์ด้วยการพาไปสวนสัตว์ช่วยเสริมสร้างทักษะอะไรบ้าง ไปดูกัน

สร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคม โดยเฉพาะกับครอบครัว ที่ร่วมกันแบ่งปัน และสื่อสารกัน
สร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม ปลูกฝังความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งสัตว์ และธรรมชาติ
ช่วยพัฒนาด้านภาษา ช่วยฝึกคำศัพท์ต่างๆ เกี่ยวกับสัตว์ เพิ่มทักษะการจดจำที่ดีมากขึ้น
ช่วยเสริมทักษะความอยากรู้อยากเห็น ยิ่งไปเห็นแบบตัวจริงๆ ก็จะยิ่งเพิ่มความใคร่รู้มากขึ้น
ส่งเสริมทักษะการสังเกต โดยเฉพาะพฤติกรรมสัตว์ และความแตกต่างของแต่ละสายพันธ์

ข้อควรระวังในการพาเด็กๆ ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง

มีข้อควรระวังที่พ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนควรรู้ไว้ ก่อนที่จะพาเด็กๆ ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อเลี่ยงอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้

แม้จะคอยดูอยู่ห่างๆ แต่ก็อย่าปล่อยให้ลูกคลาดสายตาเด็ดขาด
พกยาประจำตัวของลูกไปด้วย (ถ้ามี)
ควรพกร่ม เสื้อแขนยาว และหมวก ให้พร้อมอยู่เสมอ
ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน 30 นาที เพื่อช่วยป้องกันรังสียูวี ที่อาจทำร้ายผิวของลูกได้

สรุป

ได้เห็นกันไปแล้วว่า การเรียนรู้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงในห้องเรียนเท่านั้น เพราะการเรียนรู้ที่ให้ผลลัพธ์ได้จริง คือการเรียนรู้ในสถานการณ์จริง ได้ลงมือทำจริง อย่างการทำกิจกรรมกลางแจ้งของปฐมวัย ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมการปลูกต้นไม้ การออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ออกไปเผชิญกับโลกภายนอก อย่างการไปสวนสัตว์ และการไปแคมป์ปิ้ง ก็ช่วยเสริมสร้างทักษะการใช้ชีวิตให้เด็กๆ วัยอนุบาล และปฐมวัยอีกมากมาย ทั้งทักษะด้านร่างกาย การคิดวิเคราะห์ การวางแผน ความคิดสร้างสรรค์ และช่วยเสริมสร้างจินตนาการ แต่ก็อย่าเร่งรัดลูกๆ มากเกินไป เพราะอาจทำให้พวกเขาเครียดจนไม่อยากออกมาข้างนอกอีกเลยก็ได้

นอกจากจะให้ความสำคัญกับการพาเด็กปฐมวัยไปทำกิจกรรมกลางแจ้งแล้ว การเรียนรู้ด้านภาษาก็ไม่ควรมองข้าม Speak Up รับสอนเด็กตั้งแต่อายุ 2.5-12 ปี มีการประยุกต์ใช้การสอนแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori) โดยคุณครูมืออาชีพที่มีประสบการณ์ และเทคนิคการสอนภาษาเด็กเล็ก ที่จะต่างจากการเรียนการสอนทั่วไป ไม่เหมือนกับการท่องตำราในห้องเรียน มาเรียนภาษาไปด้วย เสริมทักษะด้านอารมณ์ การคิดวิเคราะห์ เสริมสร้างทักษะด้านร่างกาย รวมถึงทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ไปด้วยกันดีกว่า!

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกิจกรรมกลางแจ้งเด็กปฐมวัย (FAQ)

กิจกรรมกลางแจ้งของเด็กปฐมวัย มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมพัฒนาการรอบด้าน ช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ สำรวจ และเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมเสริมสร้างสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง Speak Up Language Center ได้รวบรวมข้อสงสัยที่พบบ่อยมานำเสนอ

ทำไมกิจกรรมกลางแจ้งจึงสำคัญต่อพัฒนาการเด็กปฐมวัย?

กิจกรรมกลางแจ้งของเด็กปฐมวัย ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านร่างกาย (กล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหว) จิตใจ (อารมณ์ดี) สังคม (เล่นกับเพื่อน) และสติปัญญา (การสำรวจสิ่งรอบตัว) ทำให้เด็กเติบโตอย่างสมดุล

กิจกรรมกลางแจ้งแบบไหนที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัย?

ควรเลือกกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กได้วิ่ง เล่น ปีนป่าย เช่น การเล่นในสนามเด็กเล่น การปั่นจักรยาน การเล่นทราย-น้ำ หรือการสำรวจธรรมชาติในสวนสาธารณะ โดยมีผู้ใหญ่ดูแลอย่างใกล้ชิดเสมอ