Table of Contents

12 กิจกรรมกลางแจ้งสำหรับเด็กในโรงเรียน เพิ่มทักษะและความสนุก

12 กิจกรรมกลางแจ้งสำหรับเด็กในโรงเรียน เพิ่มทักษะและความสนุก

Table of Contents

Key Takeaway

  • กิจกรรมหลัก 6 อย่างสำหรับเด็ก ได้แก่ กิจกรรมเสริมประสบการณ์ กิจกรรมเคลื่อนไหวประกอบจังหวะ กิจกรรมศิลปะ กิจกรรมเล่นตามอิสระ กิจกรรมกลางแจ้ง และกิจกรรมเกมความรู้
  • กิจกรรมเด็กกลางแจ้งแนวอนุรักษ์ธรรมชาติ เช่น การปลูกต้นไม้ การก่อปราสาททราย และการถูเปลือกไม้ ช่วยเสริมทักษะการสังเกต การดูแลรักษาธรรมชาติ และสร้างความเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว 
  • กิจกรรมเด็กกลางแจ้งแนวศิลปะหรือดนตรี เช่น การวาดภาพจากธรรมชาติ หรือการทำเครื่องดนตรีจากวัสดุธรรมชาติ ช่วยเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ การแสดงออก และพัฒนาทักษะทางดนตรีของเด็กๆ ในบรรยากาศที่สนุกและเปิดโอกาสให้แสดงจินตนาการ
  • กิจกรรมเด็กกลางแจ้งแนวเกมหรือกีฬา เช่น การเล่นวอลเลย์บอลลูกโป่ง การเล่นลูกโป่งน้ำ หรือการทำท่าตามคนข้างหน้า ช่วยเสริมทักษะการทำงานเป็นทีม ความคล่องตัว และการพัฒนาทางร่างกายของเด็กๆ

การเรียนรู้ของเด็กไม่ได้จำกัดแค่ในห้องเรียนเท่านั้น การทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเสริมพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจได้อย่างดีเยี่ยม โดยกิจกรรมกลางแจ้งช่วยให้เด็กทั้งวัยอนุบาลและประถมได้เรียนรู้จากการสัมผัสสิ่งต่างๆ รอบตัว และเสริมสร้างทักษะด้านต่างๆ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 12 กิจกรรมเด็กที่จะช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง สนุกสนาน และพัฒนาทักษะต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

6 กิจกรรมสำหรับเด็ก มีอะไรบ้าง?

6 กิจกรรมสำหรับเด็ก มีอะไรบ้าง?

สำหรับในระดับปฐมวัยและประถมศึกษา มีกิจกรรมเสริมประสบการณ์ 6 กิจกรรมที่เด็กๆ ควรได้ทำอย่างสม่ำเสมอ ดังนี้

1. กิจกรรมสร้างเสริมประสบการณ์

กิจกรรมเด็กที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านการเรียนรู้ของเด็กวัยปฐมวัย โดยเน้นให้เด็กได้ฝึกทักษะการคิด วิเคราะห์ ฟัง พูด สังเกต สำรวจ และแก้ปัญหา พร้อมทั้งเรียนรู้การทำงานร่วมกันทั้งในกลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ 

โดยควรจัดกิจกรรมให้หลากหลายและเหมาะสมกับวัยของเด็ก รวมถึงควรสอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้ เช่น การสนทนา การอภิปราย เล่านิทาน ทดลอง สาธิต ศึกษานอกสถานที่ เล่นเกม ร้องเพลง ท่องคำคล้องจอง ทำอาหาร หรือเชิญวิทยากรมาแลกเปลี่ยนความรู้กับเด็ก ทั้งนี้เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงและเกิดความเข้าใจในสิ่งที่เรียนรู้ได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

2. กิจกรรมเคลื่อนไหวประกอบจังหวะ

เด็กๆ ได้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างอิสระตามจังหวะ โดยอาศัยสื่อกระตุ้น เช่น เพลง คำคล้องจอง เสียงปรบมือ หรือจังหวะจากเครื่องดนตรีประกอบการเคลื่อนไหว ซึ่งควรเลือกใช้เครื่องดนตรีที่ให้จังหวะชัดเจน เช่น กลอง กรับ หรือระฆังสามเหลี่ยม เพื่อกระตุ้นความสนใจและสร้างความสนุกสนานให้กับเด็ก นอกจากนี้ควรออกแบบกิจกรรมนันทนาการเด็กให้หลากหลาย เหมาะสมกับพัฒนาการของแต่ละช่วงวัย และสอดคล้องกับความสนใจของเด็ก เพื่อให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและพัฒนาได้รอบด้าน

3. กิจกรรมทางศิลปะ

กิจกรรมศิลปะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเด็กที่เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการผ่านผลงานที่ตนเองสร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ การปั้น ฉีก-ปะ ตัดปะ พิมพ์ภาพ ร้อยลูกปัด งานประดิษฐ์ การเล่นสี หรือวิธีอื่นๆ ที่เด็กสามารถคิดและลงมือทำได้ด้วยตนเอง 

การจัดกิจกรรมศิลปะควรออกแบบให้เด็กสามารถลงมือทำได้ด้วยตนเองในทุกขั้นตอน เปิดโอกาสให้เลือกทำทั้งแบบรายบุคคล กลุ่มย่อย หรือกลุ่มใหญ่ โดยควรมีกิจกรรมหลากหลายวันละประมาณ 3–4 กิจกรรม ให้เด็กเลือกทำอย่างน้อย 1–2 กิจกรรม ทั้งนี้ควรคำนึงถึงระดับความยากและความซับซ้อนที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัยด้วย

4. กิจกรรมเล่นอิสระ

กิจกรรมอิสระเป็นกิจกรรมสำหรับเด็กที่เปิดโอกาสให้เด็กได้เลือกเล่นตามความสนใจ ทั้งแบบรายบุคคลและแบบกลุ่ม โดยจัดพื้นที่ในห้องเรียนเป็นมุมต่างๆ เช่น มุมบล็อก มุมหนังสือ มุมวิทยาศาสตร์ มุมบทบาทสมมติ มุมบ้าน ฯลฯ เด็กสามารถเลือกเล่นมุมต่างๆ ได้ตามต้องการอย่างเสรี นอกจากนี้อาจจัดกิจกรรมเสริมเพิ่มเติม เช่น การสร้างสรรค์ผลงาน การเตรียมหรือประกอบอาหาร รวมถึงออกแบบมุมให้สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้และความสนใจของเด็ก พร้อมทั้งจัดหาอุปกรณ์ที่เหมาะสมและเพียงพอสำหรับจำนวนเด็ก

ระหว่างที่เด็กเล่น ควรเปิดโอกาสให้เด็กได้เล่นอย่างอิสระโดยไม่เข้าไปแทรกแซง ให้เด็กได้ฝึกแก้ปัญหาด้วยตนเอง เว้นแต่ในกรณีที่เด็กต้องการความช่วยเหลือหรือเกิดสถานการณ์ที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็กหรือผู้อื่น

5. กิจกรรมกลางแจ้ง

การพาเด็กออกไปทำกิจกรรมนอกห้องเรียนเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกายและการแสดงออกอย่างอิสระ โดยยึดตามความสนใจและความสามารถเฉพาะตัวของเด็กแต่ละคน กิจกรรมกลางแจ้งอนุบาลที่สามารถจัดให้เด็กเล่น ได้แก่ การเล่นเครื่องเล่นสนาม เล่นทราย เล่นน้ำ เล่นกีฬา การละเล่นพื้นบ้าน การเล่นบทบาทสมมติในบ้านจำลอง หรือการเล่นในมุมช่างไม้ เป็นต้น

ในระหว่างทำกิจกรรมเด็ก อย่าลืมดูแลความปลอดภัยของเด็กอย่างใกล้ชิด สังเกตพฤติกรรมและพัฒนาการของแต่ละคน พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม เช่น หากพบว่าเด็กทรงตัวยังไม่ดี อาจจัดกิจกรรมฝึกการทรงตัวเพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการทางร่างกายที่เหมาะสมยิ่งขึ้น

6. กิจกรรมเกมความรู้

กิจกรรมที่ช่วยพัฒนาสติปัญญาและฝึกสมาธิในวัยปฐมวัย ควรเป็นกิจกรรมเด็กที่มีกฎ กติกาง่ายๆ เด็กสามารถเล่นได้ทั้งแบบรายบุคคลหรือเล่นเป็นกลุ่ม โดยเกมการศึกษานั้นมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้เด็กได้ฝึกสังเกต เปรียบเทียบ คิดหาเหตุผล และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดพื้นฐาน เช่น สี รูปร่าง จำนวน ประเภท ความสัมพันธ์ของสิ่งของ และพื้นที่ ซึ่งช่วยให้เด็กพัฒนาแนวคิดเชิงนามธรรมในรูปแบบที่เข้าใจง่าย

ตัวอย่างกิจกรรม ได้แก่ เกมจับคู่ เกมต่อภาพให้สมบูรณ์ เกมภาพตัดต่อ เกมโดมิโน เกมเรียงลำดับ และเกมลอตโต้ ซึ่งเกมเหล่านี้ช่วยฝึกสมาธิและกระตุ้นการคิดอย่างเป็นระบบ ควรจัดหาเกมการศึกษาหลากหลายที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก เพื่อให้เด็กได้เล่นสม่ำเสมอ พร้อมปรับระดับความยากง่ายตามความสามารถ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาและสมาธิอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

กิจกรรมเล่นกลางแจ้งที่โรงเรียนสำหรับเด็ก ไว้เสริมพัฒนาการ

กิจกรรมเล่นกลางแจ้งที่โรงเรียนสำหรับเด็ก ไว้เสริมพัฒนาการ

กิจกรรมเด็กกลางแจ้งที่หลากหลายและน่าสนใจสามารถเสริมพัฒนาการของเด็กๆ ได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยให้เด็กได้ใช้พลังงานอย่างเต็มที่ พัฒนาทักษะทางร่างกาย และเสริมสร้างสุขภาพ รวมทั้งความสมดุลของร่างกาย เช่น 

1. ปลูกต้นไม้ ทำสวน

การปลูกต้นไม้ ดอกไม้ ผัก หรือสมุนไพรเป็นกิจกรรมสำหรับเด็กที่ช่วยสอนให้เด็กๆ เรียนรู้ถึงความรับผิดชอบและความอดทน เพราะเด็กๆ มักชอบการลงมือทำจริง และการปลูกต้นไม้จากเมล็ดช่วยให้เด็กๆ เข้าใจวงจรชีวิตของพืชและเรียนรู้ความสำคัญของน้ำ แสงแดด และดินในการเจริญเติบโต

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  • เมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้า เช่น ดอกไม้ ผัก สมุนไพร
  • อุปกรณ์ทำสวนขนาดเล็ก เช่น เกรียง จอบ 
  • กระถางหรือแปลงปลูก
  • ดินและปุ๋ยหมัก
  • บัวรดน้ำหรือสายยาง

วิธีทำกิจกรรมและสิ่งที่ควรรู้

  • เลือกเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้าที่ต้องการปลูก 
  • ช่วยเด็กๆ เตรียมกระถางหรือแปลงปลูกโดยการเติมดินและปุ๋ยหมักลงไป
  • สาธิตการปลูกเมล็ดพันธุ์โดยการเจาะรูเล็กๆ ใส่เมล็ดลงไปและคลุมด้วยดินเบาๆ
  • สอนเด็กๆ ถึงความสำคัญของการรดน้ำต้นไม้และการได้รับแสงแดด
  • ร่วมกันรดน้ำต้นไม้และพูดคุยเกี่ยวกับวงจรชีวิตของพืช ตั้งแต่การเริ่มต้นจากเมล็ดจนเติบโตเต็มที่
  • คอยตรวจสอบต้นไม้เป็นประจำและส่งเสริมให้เด็กๆ ดูแลต้นไม้โดยการรดน้ำทุกวัน
2. วาดรูปชอล์กบนพื้น

2. วาดรูปชอล์กบนพื้น

ชอล์กบนพื้นสนามเด็กเล่นเป็นกิจกรรมกลางแจ้งอนุบาลที่ช่วยเสริมความคิดสร้างสรรค์ให้เด็กๆ ได้ดี โดยเฉพาะการใช้จินตนาการสร้างสรรค์ภาพต่างๆ หรือวาดรูปทรงและสัตว์ต่างๆ เด็กๆ ยังสามารถฝึกเขียนชื่อของตัวเองด้วยตัวอักษรสีสันสดใส ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนได้ง่ายดายและยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กๆ ได้สนุกสนานไปพร้อมกัน

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  • ชอล์กหลายสี
  • ถังน้ำ (สำหรับทำความสะอาดหรือสร้างพื้นผิว)

วิธีทำกิจกรรมและสิ่งที่ควรรู้

  • เตรียมชอล์กสีสันสดใส และพื้นผิวกลางแจ้งที่เรียบและสะอาดให้เด็กๆ ได้วาดภาพ
  • ลองให้เด็กๆ วาดรูปทรง ตัวอักษร หรือสัตว์ง่ายๆ
  • ท้าทายให้เด็กๆ วาดรูปแนวธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ ต้นไม้ หรือดวงอาทิตย์
  • ให้เด็กๆ ลองใช้ชอล์กที่ชุ่มน้ำวาดลงไป เพื่อสร้างมิติใหม่ๆ ให้กับภาพ
  • ชื่นชมผลงานศิลปะหรือถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
  • ทำความสะอาดรูปด้วยน้ำ หรือใช้ชอล์กเปียกเพื่อสร้างลวดลายใหม่และผสมสีเพิ่มได้

3. มองเมฆและแต่งเรื่องราว

การฝึกจินตนาการ การพัฒนาภาษา และทักษะการเล่าเรื่อง โดยเด็กๆ จะสนุกกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำให้เมฆกลายเป็นเรื่องราวต่างๆ เป็นกิจกรรมที่เหมาะสำหรับเด็กเล็กที่ต้องการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และทักษะการสื่อสารผ่านการเล่นกลางแจ้ง

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  • ผ้าห่มหรือเสื่อ 
  • สมุดบันทึกและดินสอ (ไว้สำหรับวาดภาพหรือเขียนเรื่องราว) 

วิธีทำกิจกรรมและสิ่งที่ควรรู้

  • นอนบนผ้าห่มหรือเสื่อในที่ที่มองเห็นท้องฟ้าใส
  • กระตุ้นให้เด็กๆ สังเกตเมฆและอธิบายรูปร่างที่พวกเขาเห็น
  • ถามเด็กๆ ว่าเมฆแต่ละก้อนอาจเป็นอะไร เช่น ไดโนเสาร์หรือปราสาท
  • ให้เด็กๆ สร้างเรื่องราวจากรูปร่างเหล่านั้น
  • หากเด็กๆ ชอบเขียนหรือวาดรูป ให้พวกเขาร่างภาพหรือเขียนเรื่องราวสร้างสรรค์
  • พูดคุยเกี่ยวกับประเภทต่างๆ ของเมฆ เช่น เมฆคิวมูลัสหรือเมฆสเตรตัส เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติ
4. นั่งปิกนิกตอนบ่าย

4. นั่งปิกนิกตอนบ่าย

พาเด็กๆ ไปปิกนิกใต้ร่มไม้กลางแจ้ง พร้อมเตรียมอาหารกลางวันและนำหนังสือนิทานสองสามเล่มไปด้วย เปลี่ยนมื้ออาหารให้กลายเป็นความสนุกด้วยการอ่านหนังสือกลางแจ้ง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการอ่านและการสร้างนิสัยการกินอาหารที่ดีในบรรยากาศสงบและน่ารื่นรมย์ การอ่านหนังสือท่ามกลางธรรมชาติยังเป็นกิจกรรมเสริมพัฒนาการให้กับเด็กวัย 3-5 ปี โดยกระตุ้นความสนใจและพัฒนาทักษะทางภาษาอย่างมีประสิทธิภาพ

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  • ผ้าปูรองนั่ง
  • อาหารว่างเพื่อสุขภาพหรือชุดอาหารกลางวันแบบกล่อง
  • หนังสือนิทานหรือหนังสือภาพประกอบ
  • ตะกร้าหรือกระติกน้ำแข็ง (สำหรับใส่อาหารและเครื่องดื่ม)

วิธีทำกิจกรรมและสิ่งที่ควรรู้

  • เตรียมตะกร้าปิกนิกพร้อมของว่างเพื่อสุขภาพ เช่น แซนด์วิชหรือผลไม้ และนำผ้าห่มมาด้วย
  • เลือกสถานที่ปิกนิกใต้ร่มไม้ร่มรื่น
  • หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ให้นำหนังสือนิทานมาอ่านร่วมกัน
  • ให้เด็กฟังเรื่องราว ตั้งคำถาม และพูดคุยเกี่ยวกับตัวละครหรือภาพประกอบ
  • ให้เด็กสร้างเรื่องราวจากสิ่งที่พวกเขาเห็นในธรรมชาติรอบตัว เพื่อเสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์

5. เล่นวอลเลย์บอลจากลูกโป่ง

กิจกรรมวอลเลย์บอลลูกโป่ง เป็นกิจกรรมเด็กกลางแจ้งที่ช่วยพัฒนาทักษะการประสานงานระหว่างมือและตา การทำงานเป็นทีม และการตอบสนองทางร่างกาย โดยเด็กๆ จะได้ฝึกการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมเสริมสร้างความสัมพันธ์ในกลุ่ม และเพิ่มความสนุกสนานในการเล่นร่วมกัน

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  • ลูกโป่ง
  • เชือกฟางหรือเส้นด้าย
  • เก้าอี้ ต้นไม้ หรือเสา

วิธีทำกิจกรรมและสิ่งที่ควรรู้

  • ผูกเชือกหรือเส้นด้ายระหว่างวัตถุสองชิ้นที่มั่นคงเพื่อทำเป็นตาข่ายวอลเลย์บอล
  • เป่าลูกโป่ง 1 ลูกหรือมากกว่า และอธิบายกฎพื้นฐานของเกมคือห้ามให้ลูกโป่งตกลงพื้น
  • แบ่งเด็กออกเป็นสองทีม ยืนอยู่คนละด้านของเชือก
  • บอกให้เด็กตีลูกโป่งไปมาผ่านตาข่าย เน้นความสนุกสนานและการทำงานร่วมกันในทีม
  • ปล่อยให้เด็กๆ สร้างกฎและรูปแบบเกมของตัวเอง
6. เล่นลูกโป่งน้ำ

6. เล่นลูกโป่งน้ำ

การเล่นต่อสู้ด้วยลูกโป่งน้ำเป็นกิจกรรมเด็กที่สนุกและสดชื่นสำหรับเด็กในช่วงอากาศร้อน ช่วยเสริมทักษะการประสานงานระหว่างมือและตา ความคล่องตัว รวมถึงทักษะทางสังคมเมื่อเด็กๆ ต้องวิ่ง ขว้าง หรือหลบลูกโป่งน้ำ

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  • ลูกโป่งน้ำหลายๆ ลูก
  • ภาชนะสำหรับใส่ลูกโป่งน้ำ
  • ผ้าเช็ดตัวหรือเสื้อผ้าสำรองสำหรับเปลี่ยนหลังจากเล่น

วิธีทำกิจกรรมและสิ่งที่ควรรู้

  • เตรียมลูกโป่งน้ำโดยการเติมน้ำและวางในถังหรือภาชนะ
  • แบ่งเด็กออกเป็นทีม หรือให้เด็กๆ สนุกสนานกับการขว้างลูกโป่งไปในทิศทางต่างๆ
  • กระตุ้นให้เด็กๆ หลีกเลี่ยงการโดนลูกโป่งน้ำกระแทก และพยายามสาดน้ำใส่เพื่อน
  • สามารถแนะนำการเล่นแบบทีม โดยให้ทีมหนึ่งเป็นฝ่ายโจมตีและอีกทีมเป็นฝ่ายป้องกัน หรือจัดการแข่งขันว่าใครสามารถแตกลูกโป่งน้ำได้มากที่สุดเป็นฝ่ายชนะไปก็ได้

7. เกมทำตามคนข้างหน้า

เปลี่ยนกิจกรรมเล่นกลางแจ้งทั่วไปให้เป็นกิจกรรมนันทนาการที่เด็กต้องทำตามท่าทางของคนข้างหน้า โดยให้เด็กๆ เลียนแบบการเคลื่อนไหวต่างๆ ของเพื่อน เช่น การกระโดด การกระโดดข้าม หรือการหมุนตัว เพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับเกมนี้ การทำเช่นนี้ช่วยส่งเสริมทักษะการฟัง การประสานงาน และพัฒนาทักษะทางร่างกายของเด็กๆ

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  • ผ้าพันคอ
  • หมวก
  • ไม้

ใช้เป็นอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความสนุกสนานในการเล่น

วิธีทำกิจกรรมและสิ่งที่ควรรู้

  • พาเด็กเดินไปตามเส้นทางหรือสนามหญ้าในขณะที่ทำการเคลื่อนไหวที่เกินจริง เช่น การกระโดดขาเดียว การคลาน หรือการหมุนตัว
  • กระตุ้นให้เด็กทำตามการเคลื่อนไหวของเพื่อนคนข้างหน้า
  • สลับบทบาทให้เด็กทุกคนได้ฝึกเป็นทั้งผู้นำและผู้ตาม
  • เพิ่มความสนุกด้วยการเคลื่อนไหวตามธีม เช่น การเดินของสัตว์ หรือการเคลื่อนไหวของซูเปอร์ฮีโร่
8. ขุดหาซากฟอสซิล

8. ขุดหาซากฟอสซิล

กิจกรรมนี้เป็นการขุดค้นโบราณวัตถุจำลอง ซึ่งช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโบราณคดี โดยการขุดค้นสิ่งของที่ฝังอยู่ในทรายหรือดินอย่างระมัดระวัง

กิจกรรมเด็กนี้ส่งเสริมพัฒนาการด้านการแก้ปัญหาและความอดทน เนื่องจากเด็กๆ ต้องคิดหาวิธีการขุดค้นอย่างละเอียดและค่อยๆ สืบค้นสิ่งที่พวกเขาพบ นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาทักษะการประสานงานระหว่างมือและตา เมื่อใช้เครื่องมือในการขุด และส่งเสริมความสนุกสนานในขณะที่ทำการสำรวจสิ่งที่ค้นพบ

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  • กระบะหรือภาชนะขนาดใหญ่ใส่ทราย
  • ของเล่นไดโนเสาร์พลาสติกขนาดเล็ก
  • เครื่องมือขุด เช่น พลั่ว พู่กัน หรือช้อน
  • ถาดหรือชามขนาดเล็กสำหรับเก็บสิ่งที่ค้นพบ

วิธีทำกิจกรรมและสิ่งที่ควรรู้

  • ฝังของเล่นไดโนเสาร์ในทรายที่มีความลึกต่างกันก่อนเริ่มกิจกรรม
  • มอบเครื่องมือขุด เช่น แปรงและพลั่ว ให้ลูกของคุณใช้ในการขุดสิ่งที่ฝังอยู่
  • กระตุ้นให้พวกเขาขุดอย่างระมัดระวังและวางสิ่งที่ค้นพบลงในถาด
  • พูดคุยเกี่ยวกับไดโนเสาร์แต่ละตัวที่พบ เช่น การตั้งชื่อสายพันธุ์ หรือการคิดเรื่องราวสนุกๆ
  • สร้างสมุดบันทึกภาคสนามง่ายๆ ให้เด็กๆ วาดหรือบรรยายสิ่งที่ค้นพบ

9. ก่อปราสาททราย

กิจกรรมสร้างปราสาททรายช่วยเสริมทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ และยังสามารถเพิ่มความสนุกโดยเปลี่ยนการเล่นทรายให้กลายเป็นเกมการศึกษาผ่านการนับสิ่งของที่ฝังอยู่หรือการใช้แม่พิมพ์ในการสร้างรูปทรงต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นกิจกรรมกลางแจ้งที่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีมและการแก้ปัญหาเบื้องต้นสำหรับเด็กอนุบาล

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  • ภาชนะใส่ทราย
  • พลั่ว ทัพพี และคราด
  • แม่พิมพ์ทรายรูปทรงต่างๆ
  • ของเล่นหรือสิ่งของขนาดเล็กสำหรับฝังในทราย

วิธีทำกิจกรรมและสิ่งที่ควรรู้

  • เติมทรายสะอาดลงไปในภาชนะ
  • ให้เด็กๆ ใช้พลั่ว ทัพพี และแม่พิมพ์เพื่อขุด สร้าง และปั้นโครงสร้างจากทราย เช่น ปราสาท ถนน หรือรูปทรงต่างๆ
  • ฝังของเล่นหรือวัตถุขนาดเล็กในทราย แล้วให้เด็กๆ ค้นหาและนับสิ่งที่พบ
  • กระตุ้นให้เด็กๆ อธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่สร้างขึ้น เช่น ความสูง รูปร่าง และความมั่นคงของโครงสร้าง
10. วาดรูปตามเงา

10. วาดรูปตามเงา

กิจกรรมการวาดรูปตามเงาช่วยให้เด็กๆ เข้าใจพื้นฐานของแสงและเงา โดยการสังเกตและวาดตามเงาของสิ่งของหรือร่างกายที่เกิดจากแสง การทำเช่นนี้จะช่วยเสริมทักษะการสังเกตและการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังเป็นกิจกรรมเด็กเล็กที่ส่งเสริมการพัฒนาทักษะการประสานงานมือและตา และกระตุ้นให้เด็กๆ ใช้จินตนาการในการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  • สิ่งของในชีวิตประจำวัน (เช่น ของเล่น ไม้ หรือมือ)
  • ชอล์ก (สำหรับวาดเงาบนพื้น)
  • กระดาษและดินสอ (สำหรับวาดรูปตามเงา)

วิธีทำกิจกรรมและสิ่งที่ควรรู้

  • ออกไปข้างนอกในวันที่อากาศดีและหาพื้นที่ที่มีเงามองเห็น
  • ให้เด็กๆ ใช้ของเล่นหรือร่างกายเพื่อสร้างเงาบนพื้น
  • ใช้ชอล์กวาดตามรูปร่างของเงาที่สร้างขึ้น
  • เปรียบเทียบเงากับวัตถุและสังเกตว่าเงาเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนขนาดตามตำแหน่งของดวงอาทิตย์
  • พูดคุยเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เงาเปลี่ยนแปลงและแนะนำแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับแสงและมุมมอง

11. ถูเปลือกไม้

กิจกรรมเด็กที่ทำให้เด็กได้สำรวจและศึกษาความหลากหลายของต้นไม้ โดยให้เด็กๆ สังเกตและสัมผัสเปลือกไม้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมทักษะการสังเกตและการจำแนกประเภทของสิ่งต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และการใช้ประสาทสัมผัส เช่น การสัมผัสและการมองเห็น เมื่อเด็กๆ ได้เรียนรู้ถึงลักษณะต่างๆ ของต้นไม้ จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจและเคารพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  • กระดาษสีขาว
  • ดินสอสี (ชนิดที่ลอกกระดาษออกเพื่อให้ถูได้ง่ายขึ้น)
  • เทป (ใช้ยึดกระดาษ)
  • ต้นไม้ที่มีเปลือกไม้ลวดลายเด่น

วิธีทำกิจกรรมและสิ่งที่ควรรู้

  • ค้นหาต้นไม้ที่มีเปลือกไม้หยาบหรือลักษณะน่าสนใจภายในโรงเรียน
  • วางกระดาษสีขาวบนลำต้นของต้นไม้ ใช้ดินสอสีถูเบาๆ บนกระดาษโดยให้ด้านข้างของดินสอสัมผัสกับกระดาษ
  • ยึดกระดาษด้วยเทปเพื่อให้กระดาษไม่เลื่อน
  • สังเกตและเปรียบเทียบลวดลายของเปลือกไม้จากต้นไม้แต่ละต้น
  • พูดคุยเกี่ยวกับลักษณะของต้นไม้และกระตุ้นให้เด็กทายอายุหรือลักษณะของต้นไม้
12. วงดนตรีกลางแจ้ง

12. วงดนตรีกลางแจ้ง

กิจกรรมวงดนตรีกลางแจ้งเป็นกิจกรรมนันทนาการเด็กที่สนุกสนานและกระตุ้นประสาทสัมผัส ช่วยให้เด็กๆ ได้สัมผัสกับโลกของเสียงและดนตรี โดยเด็กๆ สามารถสร้างเครื่องดนตรีจากวัสดุที่หาได้ในชีวิตประจำวัน และทดลองเสียงและจังหวะต่างๆ ที่เกิดจากการใช้สิ่งของรอบตัว

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  • หม้อ กระทะ หรือถัง
  • ช้อนไม้หรือแท่งไม้
  • ขวดเปล่าหรือวัสดุอื่นสำหรับทำเครื่องดนตรีแบบเพอร์คัสชั่น
  • ระฆังหรือกระดิ่ง (ตามความต้องการ)
  • ฝาหรือวัสดุโลหะ (ตัวเลือกเพิ่มเติม)

วิธีทำกิจกรรมและสิ่งที่ควรรู้

  • เตรียมวงดนตรีกลางแจ้งโดยใช้สิ่งของที่สามารถสร้างเสียงได้ เช่น หม้อ กระทะ หรือถัง เพื่อใช้เป็นเครื่องดนตรี
  • ใช้ช้อนไม้หรือไม้กลองในการเคาะ หรือเขย่าวัตถุต่างๆ เพื่อสร้างจังหวะ
  • แสดงให้เด็กเห็นวิธีการเล่นเพื่อสร้างเสียงที่แตกต่างกันจากวัตถุแต่ละชิ้น
  • กระตุ้นให้เด็กๆ ทดลองเสียงและจังหวะจากวัสดุต่างๆ เพื่อค้นพบเสียงที่เป็นเอกลักษณ์
  • สอนเพลงง่ายๆ หรือจังหวะให้เด็กๆ ทำตาม และส่งเสริมให้พวกเขาสร้างดนตรีของตัวเองโดยผสมผสานเสียงในรูปแบบที่สร้างสรรค์

สรุป

กิจกรรมเด็กสำหรับเด็กในระดับอนุบาลและปฐมวัยที่เน้นการเสริมทักษะทั้งทางกายภาพและความคิดสร้างสรรค์ เช่น การสร้างปราสาททราย การศึกษาความเปลี่ยนแปลงของเงา การขุดฟอสซิล หรือการทดลองเล่นเครื่องดนตรีจากวัสดุในชีวิตประจำวัน ช่วยส่งเสริมทักษะการสังเกต การประสานงาน และการทำงานร่วมกับผู้อื่นในบรรยากาศที่สนุกสนาน พร้อมทั้งเพิ่มพูนความรู้และจินตนาการของเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี

Speak Up เป็นสถาบันสอนภาษาสำหรับเด็กเล็กที่เน้นการเรียนรู้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน โดยใช้หลักสูตรที่เหมาะสมตามช่วงวัยและสอดแทรกกิจกรรมกลางแจ้งเพื่อเสริมพัฒนาการของเด็ก อีกทั้งยังประยุกต์ใช้วิธีการสอนแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori) ที่มุ่งพัฒนาเด็กในทุกด้านผ่านการเรียนรู้ที่สนุกและมีคุณภาพ โดยมีครูมืออาชีพดูแลและสอนอย่างใกล้ชิด