fbpx

รวม 8 วิธีสอนภาษาอังกฤษลูกให้สนุก และไม่กดดันเด็กมากเกินไป

สารบัญ
วิธีสอนภาษาอังกฤษลูกให้สนุก

รวม 8 วิธีสอนภาษาอังกฤษลูกให้สนุก และไม่กดดันเด็กมากเกินไป

ยิ่งได้ภาษา ยิ่งเป็นการเปิดโอกาส วลีนี้ไม่ได้พูดเกินจริงแต่อย่างใด นั่นทำให้พ่อแม่หลายครอบครัวพยายามผลักดันลูกหลานของตัวเองได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ ภาษาที่กำลังจะถูกจัดว่าเป็นภาษาพื้นฐานที่ทุกคนต้องสื่อสารได้ แต่บางคนก็มองว่าการเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก อาจจะเป็นการกดดัน หรือสร้างภาวะความเครียด ความกลัวในการเรียนภาษา แม้กระทั่งการบั่นทอนความกล้าแสดงออกของเด็กอีกด้วย องค์ประกอบเหล่านี้จึงเป็นที่มาของวิธีสอนภาษาอังกฤษลูกให้คุณพ่อคุณแม่ได้นำ เทคนิคเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการสอนลูกให้เก่งภาษา และปรับใช้ได้จริงกับสอนภาษาอังกฤษลูกในชีวิตประจำวันกัน

วิธีีทำความเข้าใจพฤติกรรมเด็กก่อนสอนภาษาอังกฤษลูก

ก่อนสอนภาษาอังกฤษลูก มาเข้าใจผู้เรียนวัยเยาว์กันก่อน

ก่อนจะไปลงลึกถึง วิธีสอนภาษาอังกฤษลูก ลำดับแรกคือต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมและจิตใจของเด็กก่อนวัยเรียนกันเสียก่อนว่าอะไรคือสิ่งที่เขาชอบ และมีอะไรเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาอังกฤษกันบ้าง ซึ่งเด็กวัยนี้มักมีสมาธิสั้นไม่ค่อยจดจ่อกับบทเรียน เบื่อเร็ว และที่สำคัญถูกดึงความสนใจจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ง่าย ทำให้การเรียนการสอนภาษาอังกฤษต้องมีการเปลี่ยนรูปแบบเป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กๆ สนุก และได้เรียนรู้ไปในเวลาเดียวกัน หรือการสร้างแรงจูงใจในการเรียนภาษาให้กับพวกเขามากยิ่งขึ้น 


จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้พบเห็นการนำเกม กิจกรรม หรือการร้องเพลง มาเป็นเทคนิคการสอนลูกให้เก่งภาษา เพราะเทคนิคเหล่านี้เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมในการเรียนภาษา และรู้สึกสนุกสนานไปด้วย สิ่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของเด็กก่อนวัยเรียนคือ การชื่นชม เมื่อพวกเขาทำสำเร็จ แม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อยก็ตาม เนื่องจากคำชื่นชมของพ่อแม่จะเปลี่ยนเป็นความเชื่อมั่น และแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาอังกฤษของลูกนั้นเอง

ประโยชน์จากการสอนภาษาอังกฤษลูกตั้งแต่เด็ก

ลูกๆ จะได้ประโยชน์อะไรจากการได้รับการสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก

ด้วย วิธีสอนภาษาอังกฤษลูกที่สร้างสรรค์ และสร้างแรงจูงใจในการเรียนภาษาได้นั้น ไม่เพียงแต่จะทำให้ลูกสนใจในภาษาอังกฤษและมีพัฒนาการทางภาษาเพิ่มมากขึ้น แต่ยังได้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย จะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันต่อได้เลย

  1. เปิดใจให้กับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น
  2. พัฒนาวิธีการพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าเดิม 
  3. ส่งเสริมการรับรู้ของเด็กเล็กผ่านการเรียนภาษา: ความยืดหยุ่นของสภาพจิตใจ ความคิดสร้างสรรค์ ระบบความจำ ระบบการคิดวิเคราะห์ และทักษะการแก้ไขปัญหาเบื้องหน้า 
  4. เข้าถึงแหล่งความรู้ และใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตได้อย่างเหมาะสม
  5. ผลการเรียนที่ดีขึ้น หรือปรับปรุงทักษาะด้านภาษาได้ดีกว่าเดิม
  6. เข้าถึงวัฒนธรรม และศิลปะต่างชาติได้ลึกซึ้งขึ้น รวมถึงนำมาปรับในชีวิตประจำวันได้
สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำขณะสอนภาษาอังกฤษให้ลูก

8 สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำเมื่อสอนภาษาอังกฤษให้ลูกๆ

ระหว่างการเรียนภาษาอังกฤษของคุณพ่อคุณแม่กับลูกน้อย สิ่งที่ควรให้ความสำคัญนอกจากวิธีสอนภาษาอังกฤษลูกแล้ว นี่คือสิ่งที่ควรระวัง และห้ามทำ หากไม่ต้องการให้ลูกเริ่มรู้สึกว่าการเรียนภาษาอังกฤษนั้นยาก น่าอึดอัด และถึงขั้นเกลียดการเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งในเนื้อหาส่วนนี้ได้รวบรวมไว้ทั้งหมด 8 ข้อที่ต้องระวัง มีดังนี้

1.ขาดความมั่นใจในการสอนภาษาอังกฤษลูก

อย่าลังเลที่จะเป็นผู้รู้ในการสอนภาษาอังกฤษเด็กๆ  ให้คุณตระหนักไว้เสมอว่าคุณมีความรู้ในภาษาอังกฤษมากกว่าพวกเขา และมีความพร้อมในการสอนอยู่เสมอ ซึ่งเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่ง เมื่อพ่อแม่หรือผู้สอนมีความมั่นใจ ก็จะส่งผลด้านบวกไปถึงความมั่นใจของลูกๆในการเรียนด้วย

2.บงการลูกจนเกินไป

บางทีการที่พ่อแม่นั้นคาดหวังและต้องการให้ลูกเรียนรู้ได้ตรมที่ตัวเองต้องการมากเกินไป จนเป็นการบงการให้ลูกเรียนรู้ให้ได้ตามที่ตัวเองต้องการ สิ่งเหล่านี้ควรเลิกทำเพราะวัยเด็กควรเป็นวัยที่ได้แสดงออกตามจินตนาการให้มากที่สุด ซึ่งบางครั้งอาจจะมีผิดถูกบ้าง แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าจำกัดกรอบจนทำให้ลูกไม่กล้าที่จะเรียนรู้อีกต่อไป

3.สอนภาษาที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน

พยายามสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้จากเรื่องราวรอบตัว เพื่อให้ลูกสามารถนำไปใช้ได้จริง และคุ้นเคยกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษในสภาพแวดล้อมที่มีโอกาสใช้งานสูง

4.ขาดความอดทน

ให้เด็กๆ ได้ใช้เวลาในการเรียนรู้ ทำความเข้าใจและซึมซับเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เพราะต้องเข้าใจว่าในการเรียนรู้สิ่งใหม่มักยากและใช้เวลาเสมอ

5.ประเมินความสามารถของลูกต่ำเกินไป

ไม่ควรประเมินความสามารถของลูกสูงหรือต่ำจนเกินไป ให้อยู่บนความพอดี เพราะบางทีความเร็ว ความเข้าใจในการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องช่วยกันคิดและวางแผนร่วมกันในการสอนภาษาอังกฤษลูก

6.สอนเร็วเกินไปและไม่ทบทวนการสอนให้ลูกๆ

คุณพ่อและคุณแม่ควรทบทวนคำศัพท์ ประโยคที่ได้สอนไปบ่อยๆ ถึงแม้บางครั้งอาจจะทำให้ลูกๆรู้สึกเบื่อหน่ายไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าการที่ผ่านบทเรียนไปแบบรวดเร็ว แต่ไม่สามารถจดจำและทำให้เด็กๆหลงลืมสิ่งที่พึ่งเรียนผ่านไปในที่สุด

7.จริงจังขึงขังกับคำตอบที่ถูกต้อง

หลายครั้งที่พ่อแม่มักาดหวังในความถูกต้องมากเกินไป เช่นเมื่อถามคำถามในบทเรียนที่สอนลูกไป ลูกต้องตอบได้ถูกต้องไม่ผิดไปจากสิ่งที่ตัวเองคิด นั่นเป็นสิ่งที่ควรเลิกทำ การที่ให้เด็กตอบผิดบ้าง ส่วนพ่อแม่ก็คอยชี้แนะว่าผิดพลาดตรงไหน ส่วนนี้จะช่วยให้ลูกกล้าลองผิดลองถูกมากขึ้น และยังจดจำสิ่งที่เรียนรู้ไปได้ขึ้นใจอีกด้วย

8.ขาดแรงจูงใจ ไร้คำชม

สร้างแรงจูงใจ และแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ผ่านการชื่นชม เมื่อพวกเขารู้จักคำศัพท์ใหม่ๆ หรือทายคำศัพท์ได้ถูกต้อง

วิธีที่ทำให้การสอนภาษาอังกฤษลูกสนุกและไม่น่าเบื่อ

8 วิธีที่ทำให้การสอนภาษาอังกฤษลูกสนุกและไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

เนื้อหาส่วนนี้เป็นการผสมผสานระหว่างวิธีสอนภาษาอังกฤษลูก และกิจกรรมการมีส่วนร่วมได้เป็นอย่างดี โดยกิจกรรมนี้จะทำให้การเรียนการสอนมีความสนุก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในความสำเร็จของการสร้างรากฐานการเรียนภาษาอังกฤษของเด็กก่อนวัยเรียนก็ว่าได้

1.เปลี่ยนบทเรียนเป็นเพลง

ทั้งผู้เรียนภาษาอังกฤษที่เป็นเจ้าของภาษาและไม่ใช่ต่างก็คุ้นเคยกับเสียงดนตรี เนื่องจากมีท่วงทำนองและดนตรีทำให้เพลิดเพลินไปกับคำ วลี และประโยคผ่านเสียงเพลงได้อย่างไม่รู้สึกติดขัด อย่างไรก็ตามนี่เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพเห็นผลลัพธ์ชัดเจนกับเด็กก่อนวัยเรียน คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังสนใจวิธีนี้อาจจะลองค้นหาเพลงสอนภาษาอังกฤษใน Youtube หรือใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแต่งเพลงคำศัพท์ใส่ท่วงทำนองยอดนิยมอย่าง Twinkle Twinkle Little Star ก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อย

2.เรียนรู้คำศัพท์ไปกับรูปภาพ

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านรูปภาพเป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายครอบครัวใช้เป็นวิธีสอนภาษาอังกฤษลูก เพราะในขณะที่ลูกน้อยกำลังเรียนรู้คำศัพท์ ยังได้สนุกไปกับการวาดรูป และระบายสีไปในตัวอีกด้วย  หากการขีดเน้นย้ำข้อความเป็นหนึ่งในเทคนิคการจดจำคำศัพท์ของผู้ใหญ่ การวาดรูปด้วยมือของเด็กๆ ก็เป็นเทคนิคในการจดจำคำศัพท์ของลูกได้ดีเป็นอันดับต้นๆ อีกทั้งยังเป็นการฝึกความคิดเชื่อมโยงในการคิดต่อยอดถึงคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับภาพดังกล่าวได้เพิ่มเติม

3.ลองใช้อุปกรณ์ช่วยจำไวยากรณ์

Mnemonic เป็นเทคนิคหนึ่งในการช่วยจำคำศัพท์และตัวช่วยในการสะกดคำที่ยาก ให้จดจำได้ง่ายขึ้นโดยการใช้คำคล้องจอง  คำย่อ รูปภาพ วลี หรือประโยค เช่นในรูปภาพเมื่อต้องการสะกดคำว่า “DOUBT” แทนที่จะท่องจำตรงๆ แต่เปลี่ยนมาใช้ ‘DO You-U Believe That?’ เมื่อจดจำวลีได้ขึ้นใจ ก็สามารถเรียบเรียงตัวสะกดออกมาเป็นคำศัพท์ที่ต้องการได้

4.เพิ่มเติมบทสนทนาระหว่างบทเรียน

การโยงคำศัพท์ที่ได้เรียนเข้ากับรูปแบบประโยค หรือวลีที่มีการใช้บ่อยๆ จะยิ่งทำให้เด็กๆ จดจำคำศัพท์นั้นได้เร็ว และง่ายมากขึ้น การจดจำคำศัพท์จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าหากผู้ใช้งานไม่สามารถหยิบมาใช้งานได้จริง ซึ่งวิธีนี้จะอุดรูรั่วในการใช้ภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว  คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกได้เพิ่มเติมจากการใช้รูปแบบประโยคคำถาม สื่อสารกับลูกเพื่อกระชับความสัมพันธ์ได้อีก ตัวอย่าง วันนี้ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง? กินอาหารอะไรที่โรงเรียน? หรือมีใครเป็นเพื่อนสนิทที่โรงเรียนบ้าง?

5.ใช้สื่ออื่นเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ เช่น เกม การ์ตูน

การสอนภาษาโดยเน้นที่สื่อใดสื่อหนึ่งมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายในการเรียนภาษาอังกฤษแก่ลูกๆ ได้ เกมหรือการ์ตูนที่สอดแทรกภาษาอังกฤษจึงกลายเป็นวิธีการสอนที่มีประสิทธิภาพอีกช่องทางหนึ่งสำหรับเด็กเล็ก เนื่องจากทำให้เด็กสามารถจดจ่ออยู่กับบทเรียนได้ และรู้สึกสนุกสนานไปในเวลาเดียวกัน

6.เล่นบทบาทสมมุติ

การเล่นบทบาทสมมุติช่วยส่งเสริมจินตนาการ และทำให้การเรียนภาษาอังกฤษของลูกกลายเป็นเรื่องสนุก ลองสร้างสถานการณ์สมมุติที่ใกล้ตัวเพื่อให้เด็กๆ สามารถนำไปใช้งานต่อได้จริง วิธีนี้จะช่วยลดความเครียดในการเรียนภาษาลง ที่สำคัญจะช่วยเพิ่มความกล้าในการพูดภาษาอังกฤษให้กับลูกน้อยได้อย่างไม่เคอะเขิน การเล่นบทบาทสมมุติจึงเป็นกิจกรรมที่มักจะได้เห็นบ่อยตามคลาสเรียนภาษานั่นเอง

7.ทบทวนบทเรียนหลังจบคลาส

ในการเรียนภาษาแต่ละครั้งหากใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นั้นเท่ากับว่าอีก 23 ชั่วโมงของเด็กๆ จะไม่ได้เกี่ยวโยงกับภาษาอีกเลย ทำให้มีโอกาสที่จะหลงลืมเนื้อหา หรือคำศัพท์ที่พวกเขาเพิ่งเรียนไปได้อย่างรวดเร็ว การทบทวนบทเรียนที่ได้เรียนมาในแต่ละวัน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อย เพราะการทบทวนหลังเรียนเสร็จนั้นจะเป็นการย้ำข้อมูลเพื่อให้กลายเป็นความจำระยะยาวได้

8.ออกจากห้องเรียน!

การเรียนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเล็ก และเด็กโตมีความแตกต่างกันอย่างมาก เนื่องจากเด็กเล็กที่ไม่สามารถจดจ่อกับบทเรียนได้ดีเท่ากับเด็กโต และต้องการแรงจูงใจในการเรียนที่มากกว่า ทำให้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษในห้องแต่เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ วิธีสุดท้ายที่อยากแนะนำคือ การพาเด็กๆ ออกไปพบกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว และเริ่มเรียนรู้คำศัพท์ หรือวลีที่เกี่ยวข้องที่สามารถใช้ได้จริง เพื่อให้พวกเขาได้คุ้นเคย และพรางนึกถึงคำศัพท์จากบริบทรอบตัว

สอนภาษาอังกฤษให้ลูกด้วยแนวคิด Montessori

ลองใช้ Montessori ในการช่วนสอนภาษาอังกฤษให้ลูกๆสิ รับรองว่าเห็นพัฒนาการได้อย่างชัดเจน

Montessori เป็นแนวคิดจากจิตแพทย์ชาวอิตาเลียน ที่ค้นพบว่าช่วงปฐมวัย หรือช่วงอายุ 6 ปีแรกของชีวิต เป็นช่วงที่สามารถพัฒนาสติปัญญาได้ถึงขีดสุด ซึ่งในตอนแรกเด็กที่มีพัฒนาการหรือเรียนรู้ได้ช้าจะได้รับเทคนิคการสอนนี้ และให้ผลลัพธ์ที่ดีจนทำให้เด็กๆ เหล่านี้สามารถเข้าเรียนร่วมชั้นกับเด็กปกติได้ โดยประโยชน์ของการสอนแบบ Montessori มีดังนี้

  • เพิ่มความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ โดยไม่ ถูกตีกรอบจากผู้สอน ทำให้ผู้เรียนมีอิส ระมากขึ้น
  • ช่วยให้ลูกมีสมาธิมากขึ้น จดจ่อกับการทำหรือเรียนรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานขึ้น
  • สร้างการเรียนรู้ด้วยตัวเองให้กับผู้เรียน (self-learning) ทำให้เด็กมีความใฝ่รู้และกระตือลือล้นในการเรียนมากขึ้น
  • เด็กๆ จะมีความสุขในการเรียนมากขึ้น เพราะกิจกรรมการสอนเข้าใจและเป็นไปตามธรรมชาติของเด็ก
  • พัฒนาบุคลิกภาพของผู้เรียน   สามารถแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้

จากข้อมูลทั้งหมดทั้งวิธีสอนภาษาอังกฤษลูก และเทคนิคอีกมากมายในการสอนภาษาให้กับเด็กเล็ก จะเห็นได้ว่าผู้ปกครองสามารถนำไปใช้ได้จริง และเริ่มลงมือได้เลย แต่หากผู้ปกครองท่านใดที่ไม่มีเวลาว่าง หรือไม่สะดวกสอนภาษาอังกฤษให้กับลูกด้วยตัวเอง ลองให้เด็กๆ มาเรียนภาษาอังกฤษกับทาง Speakup สถาบันสอนภาษาสำหรับเด็กเล็ก ที่มีครูมืออาชีพมากประสบการณ์ และเชี่ยวชาญเทคนิคการสอนภาษาสำหรับเด็กเล็กที่มีอายุ 2.5 ถึง 12 ปี ประยุกต์การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori) รับรองได้ว่าการเรียนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กๆ จะมีพัฒนาการทางด้านภาษาอย่างชัดเจน

คอร์สเรียนอื่นๆที่น่าสนใจจาก SPEAKUP

สรุป

สร้างแรงจูงใจ และแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ผ่านการชื่นชม เมื่อพวกเขารู้จักคำศัพท์ใหม่ๆ หรือทายคำศัพท์ได้ถูกต้อง

เลือกคอร์สที่เหมาะกับลูก พร้อมรับคำปรึกษาจากคุณครูผู้สอนฟรี!