fbpx

มาดูว่าการให้ลูกน้อยเรียนรู้นิทานภาษาอังกฤษพร้อมคําอ่าน และคําแปล ช่วยเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ และการเล่าเรื่องราวอย่างไร พร้อมตัวอย่างนิทานภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ

นิทานภาษาอังกฤษสั้นๆ พร้อมคำอ่าน เสริมสร้างทักษะภาษาให้ลูกน้อย

สารบัญ
นิทานภาษาอังกฤษสั้นๆ พร้อมคำอ่าน เสริมสร้างทักษะภาษาให้ลูกน้อย

นิทานภาษาอังกฤษสั้นๆ พร้อมคำอ่าน เสริมสร้างทักษะภาษาให้ลูกน้อย

ทักษะการเรียนรู้เสริมสร้างได้ด้วยการฝึกฝน ยิ่งฝึกฝนมากเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มความเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น การฝึกภาษาก็เช่นกัน โดยการฝึกภาษาอังกฤษในเด็กเล็กไม่ควรเน้นในด้านวิชาการมาก แต่เน้นให้เด็กคุ้นชินกับภาษาเสมือนภาษาไทยที่มีการฝึกใช้มาตั้งแต่เด็ก สำหรับผู้ปกครองที่มีลูกน้อยวัยกำลังเรียนรู้ การเสริมสร้างทักษะเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญมาก มาดูกันว่าการให้ลูกน้อยเรียนรู้นิทานภาษาอังกฤษพร้อมคําอ่าน และคําแปล ช่วยเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ และการเล่าเรื่องราวอย่างไร พร้อมตัวอย่างนิทานภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ

การเล่านิทาน (Storytelling) มีลักษณะอย่างไร

การเล่านิทาน (Storytelling) มีลักษณะอย่างไร

การเล่านิทาน (Storytelling) คือ การเล่าเรื่องราวเพื่อถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ด้วยวิธีการพูด และการเขียนเป็นหลัก โดยเน้นให้ผู้ฟังได้รับประสบการณ์ร่วม มีอารมณ์ร่วม หรือความรู้สึกที่เชื่อมโยงกัน รวมถึงเข้าใจในเนื้อหาของสิ่งที่ผู้สื่อสารต้องการจะสื่อ

นอกจากนี้ การเล่านิทานมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้คนเกิดความบันเทิง สร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ตลอดจนใช้เพื่อการเรียนการสอนให้แก่เด็กน้อย โดยเฉพาะเรื่องการใช้ชีวิต และคำสอนต่างๆ เพื่อให้เด็กสามารถรู้เท่าทันโลกมากขึ้น

นิทานภาษาอังกฤษฝึกภาษาได้จริงหรือไม่?

ภาษาอังกฤษถือว่าเป็นภาษาที่สำคัญมากในบริบทโลก เราต่างคุ้นชินกับการเรียนภาษาที่สอดแทรกไปด้วยเนื้อหาวิชาการ และไม่สามารถนำมาใช้ได้จริง การฝึกภาษาให้เด็กเล็กผ่านนิทานภาษาอังกฤษสั้นๆ พร้อมคำอ่าน ถือว่าเป็นวิธีการที่ช่วยเสริมสร้างทักษะการอ่าน สร้างความคุ้นชินกับประโยค และคำศัพท์ต่างๆ จนสามารถนำกลับมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ นอกจากนี้ นิทานยังทำให้เด็กไม่เครียด สร้างความเพลิดเพลิน ทำให้เด็กมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้มากขึ้น จึงทำให้ทักษะด้านภาษาอังกฤษพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เหมือนเป็นภาษาตัวเองเลย

ฝึกทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน

นิทานภาษาอังกฤษมีประโยชน์ต่อลูกน้อยอย่างไร

การฝึกภาษาอังกฤษด้วยการอ่านนิทานช่วยฝึกภาษาได้ดี เนื่องจากนิทานให้ความเพลิดเพลิน เพิ่มความต้องการเรียนรู้ในตัวเด็กมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์อีกมากมาย แต่จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน

ประโยคภาษาอังกฤษในนิทานสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้

ในนิทานภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ ประกอบไปด้วยเนื้อหาที่เล่าเรื่องด้วยประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐานที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ เมื่อเด็กมีความคุ้นชินกับประโยค และคำศัพท์ต่างๆ ในนิทานแล้ว การนำออกมาพูดในชีวิตจริงก็เป็นเรื่องง่ายมากขึ้นไปอีก

เด็กๆ สามารถเรียนรู้พฤติกรรมที่ดีผ่านนิทาน

เด็กเป็นวัยที่กำลังเรียนรู้ และกำลังเลียนแบบพฤติกรรม การสอนให้ลูกเรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ตั้งแต่ยังเด็กจึงสำคัญ เพราะในนิทานบางเรื่อง ผู้เขียนมักสอดแทรกคำสอนที่มีประโยชน์ไว้ เพื่อที่เด็กจะได้เรียนรู้พฤติกรรมของตัวละครในนิทาน และเข้าใจว่าควรประพฤติตัวอย่างไรบ้าง หรือมีการกระทำแบบใดที่ไม่ควรทำ

ช่วยเสริมสร้างทักษะการพูด และการอ่านภาษาอังกฤษ

นิทานภาษาอังกฤษสั้นๆ พร้อมคำอ่าน ช่วยส่งเสริมให้เด็กมีคลังคำศัพท์ และทำให้มีความจำดีขึ้น เนื่องจากเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ การเรียนรู้ประโยค และคำศัพท์ผ่านนิทานจึงเป็นวิธีที่ทำให้เด็กต่อยอดทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และทักษะการพูดได้ดีมากขึ้น ทำให้เด็กที่มีคลังคำศัพท์เยอะ และสามารถนำคำศัพท์ไปประยุกต์ใช้ได้ดีกว่าเด็กที่ไม่มีคำศัพท์อยู่ในหัวเลย

สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่ และลูกน้อย

เมื่อพ่อแม่อ่านนิทานให้ลูกอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครอง และลูกน้อยดียิ่งขึ้น เป็นการสร้างการรับรู้ให้กับลูกน้อยสึกว่าตัวเองมีคุณค่า เพราะฉะนั้น นิทานภาษาอังกฤษสั้นๆ พร้อมคำอ่าน จึงไม่เพียงแต่ช่วยฝึกทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สถาบันครอบครัวมั่นคงขึ้นอีกด้วย

นิทานเรื่องลูกหมูสามตัวภาษาอังกฤษ พร้อมคําอ่าน

นิทานเรื่องลูกหมูสามตัวภาษาอังกฤษ พร้อมคําอ่าน

Once upon a time there were three little pigs. One pig built a house of straw while the second pig built his house with sticks. They built their houses very quickly and then sang and danced all day because they were lazy. The third little pig worked hard all day and built his house with bricks.

 

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีลูกหมูสามตัว ลูกหมูตัวแรกสร้างบ้านของตัวเองด้วยฟาง ลูกหมูตัวที่สองสร้างบ้านด้วยไม้ ทำให้สร้างเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยความขี้เกียจจึงใช้เวลาไปกับการเที่ยวเล่น ร้องเพลง และเต้นรำกันกันตลอดทั้งวัน แต่ลูกหมูตัวที่สามสร้างบ้านด้วยอิฐ มันจึงใช้เวลาอย่างขยันขันแข็งในการสร้างบ้านของตัวเองตลอดทั้งวัน จนไม่สามารถออกไปเที่ยวเล่นแบบลูกหมูตัวอื่นๆ ได้

 

A big bad wolf saw the two little pigs while they danced and played and thought, “What juicy tender meals they will make!” He chased the two pigs and they ran and hid in their houses. The big bad wolf went to the first house then huffed, puffed, and blew the house down in minutes.

 

วันหนึ่ง มีหมาป่าตัวใหญ่ดุร้ายเห็นลูกหมูสองตัวกำลังเต้นระบำกันอย่างสนุกสนาน มันคิดในใจว่า “เนื้อหมูพวกนั้นน่าจะนุ่มลิ้น คงจะฉ่ำอร่อยไม่น้อย!” ทันใดนั้น หมาป่าจึงไล่จับลูกหมูทั้งสองตัว ลูกหมูต่างพากันไปซ่อนในบ้านของตัวเอง หมาป่าจึงวิ่งไล่ไปยังบ้านของลูกหมูตัวแรกที่ทำด้วยฟาง หายใจเข้า และพรูลมหายใจแค่เพียงไม่นาน บ้านทั้งหลังก็หายไปในพริบตา

 

The frightened little pig ran to the second pig’s house that was made of sticks. The big bad wolf now came to this house then huffed, puffed, and blew the house down in hardly any time. Now, the two little pigs were terrified and ran to the third pig’s house that was made of bricks.

 

ลูกหมูตัวแรกตกใจกลัวมาก จึงรีบวิ่งหนีไปซ่อนตัวในบ้านลุกหมูตัวที่สองที่ทำด้วยไม้ ในคราวนี้หมาป่าใช้เวลาอย่างยากลำบากในการทำลายบ้านหลังนี้ แต่ถึงอย่างไร บ้านก็ยังถูกทำลายไปได้ในที่สุด ลูกหมูทั้งสองตัวจึงหันไปพึ่งลูกหมูตัวที่สามที่มีบ้านทำด้วยอิฐ

 

The big bad wolf tried to huff, puff, and blow the house down, but he could not. He kept trying for hours but the house was very strong and the little pigs were safe inside. He tried to enter through the chimney but the third little pig boiled a big pot of water and kept it below the chimney. The wolf fell into it and died.

 

ต่อมาหมาป่าก็พยายามพังบ้านหลังนี้ด้วยวิธีเดิมอีก แต่แม้จะใช้ความพยายามมากเท่าไรก็ไม่พอ หมาป่าจึงพยายามแอบเข้ามาทางปล่องไฟของบ้าน ลูกหมูทั้งสามตัวจึงวางแผนต้มน้ำร้อนในหม้อใบใหญ่มาวางไว้ตรงบริเวณใต้ปล่องไฟ ทำให้หมาป่าที่พยายามเข้ามาตกลงในน้ำร้อนจนตายไปในที่สุด

 

The two little pigs now felt sorry for having been so lazy. They too built their houses with bricks and lived happily ever after.

 

ลูกหมูสองตัวนึกเสียใจกับความขี้เกียจของพวกมัน จึงพยายามสร้างบ้านด้วยอิฐ และอยู่กันอย่างมีความสุขตั้งแต่นั้นมา

 

คำศัพท์ที่น่าสนใจ

  1. Straw (สตรอ)  =  ฟาง
  2. Stick (เซอะติ๊ก)  =  ไม้
  3. Brick (บริก)  =  อิฐ
  4. Tender (เทนเดอะ) =  อ่อนนุ่ม
  5. Juicy (จู๊สซี่) =  ฉ่ำ
  6. Huff (ฮัฟ)  =  หอบ, ทำให้โกรธ
  7. Terrified (เทเรอฟาย)  =  ขวัญเสีย
  8. Chimney (ชิ๊มนี่)  =  ปล่องไฟ
นิทานเรื่องราชสีห์กับหนูภาษาอังกฤษ พร้อมคําอ่าน

นิทานเรื่องราชสีห์กับหนูภาษาอังกฤษ พร้อมคําอ่าน

Once when a Lion was asleep, a little mouse began running up and down upon him; this soon woken the Lion, who placed his huge paw upon him, and opened his big jaw to swallow him.

ณ วันหนึ่ง เมื่อราชสีห์นอนหลับอยู่ มีเจ้าหนูตัวเล็กคอยวิ่งเล่นอยู่บนตัวของสิงโต ทันใดนั้น สิงโตได้ตื่นขึ้น และรีบนำอุ้งมือใหญ่ของตนตะปปเจ้าหนูตัวเล็กไว้เพื่อนำมาเป็นอาหาร

“Pardon, my King, cried the little mouse; forgive me this time, I shall never forget it. Who knows what I may be able to do you a turn some of these days?” The lion was so tickled at the idea of the Mouse being able to help him, that he lifted up his paw and let him go.

“ข้าต้องขออภัยด้วยท่านเจ้าป่า ได้โปรดยกโทษให้ข้า แล้วข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย ในวันใดวันหนึ่ง ข้าอาจตอบแทนท่านได้” เจ้าหนูตัวจิ๋วร้องไห้คร่ำครวญพลางร้องขอการให้อภัย ราชสีห์นึกขำ และหัวเราะออกมา แล้วยกอุ้งเท้าออก เพื่อปลดปล่อยเจ้าหนูออกจากพันธนาการ

Sometime after the Lion was caught in a trap and the hunters who desired to carry him alive to the king, tied him to a tree while they went in search of a wagon to carry him on.

หลังจากนั้นไม่นาน เกิดเหตุเมื่อราชสีห์ไปติดกับดักของนายพรานเข้า โดยนายพรานต้องการราชสีห์เพื่อไปถวายแก่พระราชา นายพรานจึงนำราชสีห์ตัวนี้ไปผูกติดกับต้นไม้ต้นหนึ่ง จากนั้นนายพรานจึงไปหารถเพื่อกลับมาบรรทุกราชสีห์ออกไป

Just then the little Mouse happened to pass by, and seeing the sad plight in which the Lion was, went up to him and soon gnawed away the ropes that bound the king of the beasts.

ขณะนั้น เจ้าหนูตัวจิ๋วได้เดินผ่านมา และเห็นภาพอันน่าเศร้าของราชสีห์ผู้ยิ่งใหญ่ถูกผูกติดกับต้นไม้ จึงเข้าไปช่วยเหลือราชสีห์โดยการใช้ฟันเล็กๆ ของมันแทะจนเชือกขาด และปลดปล่อยราชสีห์ออกไปได้ในที่สุด

คำศัพท์ที่น่าสนใจ

  1. Caught (คอช) = จับไว้, ตะครุบ
  2. Tickle (ทิกเคิ่ล) = ขำขัน
  3. Wagon (แวกิ่น) = รถบรรทุกสินค้า (สมัยก่อนเทียบด้วยม้า)
  4. Plight (ไปลช) = ชะตากรรม
  5. Gnaw (น๊อ) = กัด,แทะ
  6. Beast (บีสต) = สัตว์ป่า
  7. Little (เลทเดิ่ล) = เล็ก, น้อย
นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าภาษาอังกฤษ พร้อมคําอ่าน

นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าภาษาอังกฤษ พร้อมคําอ่าน

A Hare was making fun of this Tortoise one day for being slow. “Do you ever get anywhere?” he asked with a mocking laugh. “Yes,” answered the Tortoise,” and that I get there earlier than you think. I will run you a race and prove it.”

กาลครั้งหนึ่ง มีกระต่ายตัวหนึ่งมักล้อเลียนเจ้าเต่าถึงความช้าของมันอยู่เสมอ “แกเคยไปถึงไหนบ้างไหมเนี่ย” กระต่ายถามพร้อมหัวเราะเยาะเจ้าเต่า “แน่นอนสิ” เต่าตอบกลับไป “ฉันไปถึงตรงนั้นได้เร็วกว่าที่แกคิดอีก ฉันจะวิ่งแข่งกับแก ลองดูไหม?” 

The Hare was considerably amused at the concept of conducting a race with all the Tortoise, but also for the pleasure of this thing he consented. So the Fox, who had agreed to serve as judge, marked the space and began off the runners.

เจ้ากระต่ายนึกตลกกับความคิดของเจ้าเต่า แต่เพื่อความสนุกกระต่ายจึงตอบตกลงแข่งไป โดยมีสนัขจิ้งจอกเป็นกรรมการตัดสินให้ เริ่มจัดการขีดเส้นจุดเริ่มต้นและเส้นชัย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน

The Hare was soon far from sight, and also to make the Tortoise feel quite deeply how absurd it was for him to attempt a race with a Hare, he lay down with the path to having a rest before the Tortoise must catch up.

เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น กระต่ายเริ่มวิ่งไปไกลสุดลูกหูลูกตา และทำให้เจ้าเต่านึกเสียใจที่ไปท้าทายกระต่ายเข้า กระต่ายแน่นอนใจ ล้มนอนลงข้างทางเพื่อรอให้เจ้าเต่าตามมาทัน

The Tortoise meanwhile kept moving slowly but steadily, and, after a moment, passed the location where the Hare had been sleeping. However, the Hare went quite peacefully and if at last, he’d awaken, the Tortoise was close to the objective. The Hare currently conducted his swiftest, but he couldn’t overtake the Tortoise punctually.

ในขณะเดียวกัน เจ้าเต่ายังคงตั้งใจใช้แรงของตัวเองเดินต่อไปอย่างช้าๆ อย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดเจ้าเต่าก็เดินมาถึงจุดที่กระต่ายนอนอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น กระต่ายก็ยังคงไม่กระตือรือร้นที่จะไปถึงเส้นชัย และนอนอย่างสบายใจ เมื่อกระต่ายตื่นมาก็เห็นเจ้าเต่าเดินไปเกือบถึงเส้นชัยแล้ว กระต่ายจึงรีบวิ่งอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าก็ไ่ม่สามารถตามเจ้าเต่าทันได้แล้ว ทำให้เจ้าเต่าชนะการแข่งขันครั้งนี้ไปได้ในที่สุด

คำศัพท์ที่น่าสนใจ

  1. Amuse (อะมิวซ) = ทำให้สนุกสนาน
  2. Catch up (แคช อัพ) = คว้า
  3. Consent (เคินเซนท) = การอนุญาต
  4. Judge (จัจ) = ผู้ตัดสิน (กีฬา)
  5. Laugh (ลาฟ) = หัวเราะ
  6. Mock (มอค) = เยาะเย้ย
  7. Steadily (สเทดดิลี) = อย่างมั่นคง
นิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดงภาษาอังกฤษ พร้อมคําอ่าน

นิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดงภาษาอังกฤษ พร้อมคําอ่าน

There was once a sweet little maid who lived with her father and mother in a pretty little cottage at the edge of the village. At the further end of the wood was another pretty cottage and in it lived her grandmother.

กาลครั้งหนึ่ง  มีสาวน้อยคนหนึ่งอาศัยอยู่กับพ่อแม่ในกระท่อมท้ายหมู่บ้าน และถัดไปจากป่านี้มีบ้านอีกหลังหนึ่งคือบ้านคุณยายของสาวน้อยคนนี้ 

Everybody loved this little girl, her grandmother perhaps loved her most of all and gave her a great many pretty things. Once she gave her a red cloak with a hood which she always wore, so people called her Little Red Riding Hood.

ทุกคนในครอบครัวรักเธอ และยายของเธอก็รักเธอมากกว่าใครๆ คุณยายมักมอบของขวัญสุดแสนพิเศษให้กับเธอเสมอ โดยเฉพาะเสื้อคลุมหมวกสีแดงที่เธอมักสวมใส่มันไปไหนมาไหนอยู่เสมอ ทำให้ใครๆ ต่างก็เรียกเธอว่า “หนูน้อยหมวกแดง”

One morning Little Red Riding Hood’s mother said, “Put on your things and go to see your grandmother. She has been ill; take along this basket for her. I have put in it eggs, butter and cake, and other dainties.”

เช้าวันหนึ่ง แม่ของหนูน้อยหมวกแดงบอกกับเธอว่า “เตรียมตัวให้เรียบร้อย และไปเยี่ยมคุณยายนะลูก ท่านกำลังป่วยอยู่ ลูกนำตะกร้าใบนี้ไปให้คุณยาย ในนั้นมีทั้งไข่ เนย ขนม และเค้ก รวมถึงของอร่อยๆ อีกมากมาย”

It was a bright and sunny morning. Red Riding Hood was so happy that at first she wanted to dance through the wood. All around her grew pretty wild flowers which she loved so well and she stopped to pick a bunch for her grandmother.

เช้าอันสดใส หนูน้อยหมวกแดงมีความสุขมาก ขณะเดินไปเธอเต้นรำ ชื่นชมความสวยงามของดอกไม้ และป่าเขียวขจี และเธอเก็บดอกไม้ไปฝากคุณยายด้วย

Little Red Riding Hood wandered from her path and was stooping to pick a flower when from behind her a gruff voice said, “Good morning, Little Red Riding Hood.” Little Red Riding Hood turned around and saw a great big wolf, but Little Red Riding Hood did not know what a wicked beast the wolf was, so she was not afraid.

หนูน้อยหมวกแดงประหลาดใจและหยุดเก็บดอกไม้เพียงชั่วครู่เมื่อได้ยินเสียงทักทาย “สวัสดียามเช้าหนูน้อยหมวกแดง” เธอไม่ได้ตกใจกลัวมากนัก เนื่องจากไม่รู้ว่าหมาป่าเป็นสัตว์ป่าที่ดุร้าย

“What do you have in that basket, Little Red Riding Hood?”

“อะไรอยู่ในตะกร้าหรือ” หมาป่าถาม

“Eggs and butter and cake, Mr. Wolf.”

“มีไข่ไก่ เนย และเค้กค่ะคุณหมาป่า” หนูน้อยหมวกแดงตอบ

“Where are you going with them, Little Red Riding Hood?”

“แล้วหนูกำลังเอาไปไหนหรือ?” หมาป่าถามต่อ

“I am going to my grandmother, who is ill, Mr. Wolf.”

“หนูกำลังเอาไปให้คุณยายค่ะ ท่านกำลังป่วย”

“Where does your grandmother live, Little Red Riding Hood?”

“ยายของเจ้าอยู่ไหนหรือ?”

“Along that path, past the wild rose bushes, then through the gate at the end of the wood, Mr. Wolf.”

“เดินผ่านไปทางทุ่งดอกกุหลาบ ทะลุเข้าไปตรงท้ายป่าค่ะคุณหมาป่า”

Then Mr. Wolf again said “Good morning” and set off, and Little Red Riding Hood again went in search of wild flowers.

จากนั้นหมาป่ากล่าวทักทาย “อรุณสวัสดิ์” อีกครั้ง และจากไป หนูน้อยหมวกแดงจึงเก็บดอกไม้เพื่อไปฝากคุณยายต่อ

At last he reached the porch covered with flowers and knocked at the door of the cottage.

ในที่สุด หมาป่ามาถึงระเบียงบ้านคุณยายที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้ และเคาะประตูกระท่อม

“Who is there?” called the grandmother.

“นั่นใครหรือ” คุณยายถาม

“Little Red Riding Hood,” said the wicked wolf.

“หนูน้อยหมวกแดงค่ะ” หมาป่าตอบ

“Press the latch, open the door, and walk in,” said the grandmother.

“กดสลักประตูแล้วเข้ามาได้เลยจ้า” คุณยายตอบ

The wolf pressed the latch, and walked in where the grandmother lay in bed. He made one jump at her, but she jumped out of bed into a closet. Then the wolf put on the cap which she had dropped and crept under the bedclothes.

หมาป่ากดสลักประตู และเดินตรงไปยังเตียงคุณยาย กระโจนเข้าใส่คุณยาย แต่คุณยายกลับหนีรอดหลบไปยังอีกห้องหนึ่งได้ จากนั้น หมาป่าหยิบหมวกที่คุณยายทำหล่นไว้มาสวมรอย และคลานเข้าไปอยู่ใต้ผ้าคลุมเตียง

In a short while Little Red Riding Hood knocked at the door, and walked in, saying, “Good morning, Grandmother, I have brought you eggs, butter and cake, and here is a bunch of flowers I gathered in the wood.” As she came nearer the bed she said, “What big ears you have, Grandmother.”

หลังจากนั้นไม่นาน หนูน้อยหมวกแดงเคาะประตู และเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกล่าวทักทาย “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณยาย หนูเอาไข่ เนย เค้ก และช่อดอกไม้ที่หนูเก็บมาจากป่าค่ะ” เมื่อเธอเข้ามาใกล้เตียง หนูน้อยหมวกแดงก็ถามขึ้นว่า “ทำไมคุณยายหูใหญ่จังคะ”

“All the better to hear you with, my dear.”

“จะได้ยินเสียงหลานชัดๆ ยังไงล่ะจ๊ะ”

“What big eyes you have, Grandmother.”

“ทำไมตาคุณยายโตจังคะ?”

“All the better to see you with, my dear.”

“จะได้เห็นหลานชัดๆ ยังไงล่ะจ๊ะ”

“But, Grandmother, what a big nose you have.”

“แต่…ทำไมจมูกคุณยายโตจังคะ?”

“All the better to smell with, my dear.”

“จะได้ดมกลิ่นหลานได้ดีไงล่ะจ๊ะ”

“But, Grandmother, what a big mouth you have.”

“แต่ว่า…ทำไมปากคุณยายใหญ่จังคะ”

“All the better to eat you up with, my dear,” he said as he sprang at Little Red Riding Hood.

“จะได้กินหลานได้เต็มปากเต็มคำไงล่ะจ๊ะหลานรัก” หมาป่าตอบพร้อมกระโจนเข้าใส่หนูน้อยหมวกแดง

Just at that moment Little Red Riding Hood’s father was passing the cottage and heard her scream. He rushed in and with his axe chopped off Mr. Wolf’s head.

ทันในนั้นเอง พ่อของหนูน้อยหมวกแดงที่กำลังเดินผ่านมายังกระท่อมได้ยินเสียงลูกสาวตัวเอง เขาจึงรีบเข้าไป และใช้ขวานฟันเข้าไปที่หัวของหมาป่า

Everybody was happy that Little Red Riding Hood had escaped the wolf. Then Little Red Riding Hood’s father carried her home and they lived happily ever after.

ทุกคนดีใจที่หนูน้อยหมวกแดงหนีรอดมาได้ พ่อของเธอจึงพาเธอกลับบ้าน และใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขตั้งแต่นั้นเรื่อยมา

คำศัพท์ที่น่าสนใจ

  1. Edge (เอช) = ริม,ขอบ                            
  2. Cloak (โคลก)  =  เสื้อคลุม
  3. Dainty (เดนทิ)  =  งดงาม
  4. Gruff (กรัฟ)  =  เสียงแหบ
  5. Wicked (วิคเคด)  =  ชั่วร้าย
  6. Porch (พอรช)  =  เฉลียง, ระเบียง
  7. Latch (แลช)  =  สลักประตู, กลอน
  8. Bedclothes (เบดโคลส)  =  ผ้าปูที่นอน,  ผ้าคลุมเตียง
  9. Chop (ช๊อป)  =  ฟัน,  สับ

สรุป

การเล่านิทาน คือ การเล่าเรื่องราวเพื่อถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ผ่านเรื่องเล่าด้วยวิธีการพูด และการเขียนเป็นหลัก เพื่อให้ผู้ฟังมีอารมณ์ร่วม และเข้าใจในเนื้อหาของสิ่งที่ผู้สื่อสารต้องการสื่อ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้คนเกิดความบันเทิง และใช้เพื่อการเรียนการสอนให้แก่เด็กน้อย โดยเฉพาะเรื่องการใช้ชีวิต และคำสอนต่างๆ เพื่อให้เด็กสามารถรู้เท่าทันโลกมากขึ้น ดังนั้น นิทานภาษาอังกฤษพร้อมคำอ่าน คำแปล จึงช่วยให้เด็กรอบรู้ทั้งในด้านภาษาอังกฤษ หลักการใช้ชีวิต และหลักคำสอนของสิ่งที่ผู้เขียนนิทานต้องการสื่อออกมา


หากสนใจเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเสริมทักษะภาษาให้ลูกน้อย SpeakUp Language Center ช่วยได้ เพราะเราคือสถาบันการเรียนภาษาที่จะช่วยฝึกฝนพัฒนาการทางด้านภาษาของเด็กๆ ให้เป็นไปอย่างราบรื่น มีความสนุกสนาน และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการประยุกต์ใช้การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori) โดยครูผู้สอนมืออาชีพที่มีประสบการณ์ และเทคนิคเฉพาะในการสอนภาษาสำหรับเด็กเล็ก

คำศัพท์สัตว์ภาษาจีน

รวมคำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ ภาษาจีน เปลี่ยนการเรียนภาษา ไม่ให้น่าเบื่อ

สำหรับเด็กๆ ที่อยากฝึกภาษาจีนแล้วกังวลว่าภาษาจีนต้องจำคำศัพท์เยอะ ยาก หรือน่าเบื่อ อยากให้ทุกคนสลัดความคิดนั้นออกไปให้หมดได้เลย เพราะการฝึกจำคำศัพท์ภาษาจีนจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป หากเริ่มจากคำศัพท์ที่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตรอบๆ ตัว หรือคำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ภาษาจีน เพื่อให้เด็กๆ สนุกไปกับการจำคำศัพท์ได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งคำศัพท์สัตว์ภาษาจีนจะอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
การจำคำศัพท์สัตว์ภาษาจีนดียังไง

การจำคำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ ภาษาจีน ดียังไง

การฝึกให้เด็กๆ ท่องคำศัพท์สัตว์ภาษาจีน ถือเป็นวิธีการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ และพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กๆ ได้ ดังนี้

พัฒนาทักษะการฝึกออกเสียง

การจำคำศัพท์ภาษาจีนหมวดสัตว์ นอกจากช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับชื่อ เสียง และรูปร่างของสัตว์แล้ว คำศัพท์สัตว์ภาษาจีนยังช่วยฝึกพัฒนาการในการฝึกออกเสียงได้มากขึ้นอีกด้วย เนื่องจากการฝึกอ่านออกเสียงอย่างสม่ำเสมอจะทำให้เด็กๆ เกิดความคุ้นเคย และออกเสียงได้อย่างถูกต้องมากขึ้น

พัฒนาทักษะการฝึกสร้างประโยค

การจำคำศัพท์สัตว์ภาษาจีน ช่วยเสริมพัฒนาการในการสร้างประโยค และพัฒนาการสื่อสารของเด็กๆ ได้ เนื่องจากคำศัพท์ภาษาจีนหมวดสัตว์ ช่วยให้ผู้เรียนรู้เห็นรูปร่าง ท่าทาง เสียงของสัตว์ จนทำให้เกิดการเรียนรู้ และพัฒนาเป็นการสร้างประโยคที่จะส่งผลดีต่อการเขียน หรือการพูดได้

พัฒนาทักษะการแบ่งหมวดหมู่

การจำคำศัพท์ภาษาจีนหมวดสัตว์ ช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ได้ว่าสัตว์มีหลากหลายชนิด สัตว์บางชนิดมักพบได้ในสวนสัตว์ บางชนิดพบอยู่ในป่าใหญ่ บางชนิดพบได้ใต้ท้องทะเล หรือแม้แต่บางชนิดที่สามารถเลี้ยงได้ที่บ้าน จึงทำให้เด็กๆ สามารถแบ่งหมวดหมู่ของสัตว์แต่ละชนิดได้ และทำให้จำคำศัพท์ได้ง่ายมากขึ้น

พัฒนาทักษะการเข้าสังคม

การเรียนรู้คำศัพท์สัตว์ภาษาจีน สามารถสร้างเสริมทักษะการเข้าสังคมให้กับเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในระหว่างการเรียน หรือการทำกิจกรรมร่วมกับเด็กคนอื่นๆ ที่อาจมีการสื่อสาร พูดคุย หรือเล่นเกมเกี่ยวกับสัตว์ชนิดต่างๆ การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาจีนหมวดสัตว์จะช่วยให้เด็กๆ สามารถเข้าใจ และสื่อสารกับเพื่อนๆ หรือคุณครูได้ดีมากยิ่งขึ้น

ฝึกให้เด็กใส่ใจสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รอบตัว

การฝึกจำคำศัพท์สัตว์ภาษาจีน ช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ที่จะใส่ใจถึงความสวยงามของธรรมชาติ การปกป้องดูแลคุณภาพชีวิตของสัตว์ต่างๆ รวมถึงการเห็นคุณค่าของสิ่งมีชีวิตร่วมโลก ทำให้เด็กๆ มีความเห็นอกเห็นใจ และพัฒนาทักษะการเข้าใจในผู้อื่นได้อีกด้วย
รวมคำศัพท์สัตว์ภาษาจีน หมวดหมู่ต่างๆ

รวมคำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ ภาษาจีน หมวดหมู่ต่างๆ

รวบรวมคำศัพท์ภาษาจีนเกี่ยวกับสัตว์ในหมวดหมู่ต่างๆ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
คำศัพท์สัตว์ภาษาจีน หมวด 12 นักษัตร

คำศัพท์ภาษาจีนหมวดสัตว์ 12 นักษัตร

ก่อนพาไปทำความรู้จักกับคำศัพท์สัตว์ภาษาจีนในหมวดหมู่ต่างๆ มาเริ่มกันที่สัตว์ 12 นักษัตรที่ควรรู้ เพื่อช่วยฝึกให้เด็กๆ จำได้ง่ายๆ ด้วยการบอกปีนักษัตรของพวกเขา หรือฝึกถามปีนักษัตรของคนอื่น แล้วลองพูดออกมาเป็นภาษาจีนก็สามารถทำได้ ซึ่งนอกจากช่วยฝึกภาษาแล้ว ยังช่วยให้เด็กเรียนรู้ที่จะถาม และเข้าสังคมได้อีกด้วย มาดูคำศัพท์ภาษาจีนหมวดหมู่สัตว์ใน 12 นักษัตร จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน
คำศัพท์ภาษาจีน พินอิน คำอ่าน คำแปล
shǔ สู่ หนู
niú หนิว วัว
หู่ เสือ
兔子 tù zǐ ทู่ จื่อ กระต่าย
lóng หลง มังกร หรืองูใหญ่
shé เสอ งูเล็ก
หม่า ม้า
yáng หยาง แพะ
hóu โหว ลิง
公鸡 gōng jī กง จี ไก่ตัวผู้
gǒu โก่ว สุนัข
zhū จู หมู
คำศัพท์สัตว์ภาษาจีน หมวดสัตว์เลี้ยง

ภาษาจีน หมวดหมู่สัตว์เลี้ยง

สัตว์เลี้ยง คือสัตว์ที่มีการเลี้ยงดู ควบคุม และคุ้มครองดูแลโดยมนุษย์ เนื่องจากสัตว์เลี้ยงมักอยู่ใกล้ตัวมนุษย์ และเป็นที่คุ้นเคยกับมนุษย์มากที่สุด การจำคำศัพท์ภาษาจีนในหมวดหมู่สัตว์เลี้ยงจึงง่ายต่อการฝึกฝนมากขึ้นไปอีก มาดูคำศัพท์ภาษาจีนหมวดหมู่หมวดสัตว์เลี้ยง มีอะไรบ้าง ไปดูกัน

คำศัพท์ภาษาจีนพินอินคำอ่านคำแปล
māoมาวแมว
鹦鹉 yīng wǔ อิง อู่นกแก้ว
金鱼jīn yúจิน หยีปลาทอง
guīกุยเต่า
豚鼠tún shǔทุ๋น ฉู่หนูตะเภา
刺猬cì weiซื่อ เวยเม่นแคระ
猫头鹰māo tóu yīngเมา โถว อิงนกฮูก
微型猪wēi xíng zhūเวย สิง จูหมูแคระ
niǎoเหนี่ยวนก
仓鼠cāng shǔชาง ฉู่หนูแฮมสเตอร์
龙猫lóng māoหลง มาวหนูชินชิลล่า
松鼠sōng shǔซง ฉู่กระรอก
兔子tù ziทู่ จีกระต่าย
ยวี๋ปลา
蜜袋鼯mì dài wúมี่ ไต้ อู๋ชูก้าไกรเดอร์
จีไก่ตัวเมีย
黑猩猩 hēi xīng xīngเฮย ซิง ซิงลิงชิมแปนซี
猩猩xīng xīngซิง ซิงลิงอุรังอุตัง
山羊 shān yángซาน หยางแพะ
ลวี๋ลา
คำศัพท์สัตว์ภาษาจีน หมวดสัตว์บก

ภาษาจีน หมวดหมู่สัตว์บก

สัตว์บก คือสัตว์ที่อาศัยอยู่บนบกเป็นส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดอาศัยอยู่บนพื้นดิน มักเป็นสัตว์ที่มีจำนวนขา 2-4 ขา ขึ้นไป ส่วนใหญ่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ที่ออกลูกเป็นตัว และออกลูกเป็นไข่ รวมไปถึงสัตว์ที่มีกระเป๋าหน้าท้อง เนื่องจากสัตว์บกมีมากมายและเป็นที่รู้จัก การจำคำศัพท์ภาษาจีนในหมวดหมู่นี้จึงช่วยฝึกเด็กได้ง่ายขึ้น มาดูคำศัพท์ภาษาจีนหมวดหมู่หมวดสัตว์บก มีอะไรบ้าง ไปดูกัน

คำศัพท์ภาษาจีนพินอินคำอ่านคำแปล
猴子hóu ziโฮ่ว จื่อลิง
狮子shī ziซือ จื่อสิงโต
เหอแร็กคูน
长颈鹿cháng jǐng lùฉาง จิ่ง ลู่ยีราฟ
猎豹liè bàoเลี่ย เป้าเสือชีต้าร์
狐狸hú liหู หลี่สุนัขจิ้งจอก
袋鼠dài shǔต้าย สู่จิงโจ้
箭猪jiàn zhūเจี้ยน จูเม่น
老虎lǎo hǔเหลา หู่เสือโคร่ง
yángหยางแกะ
斑马bān mǎปาน หม่าม้าลาย
xióngสงหมี
lángหลางหมาป่า
大象dà xiàngต้า เซี่ยงช้าง
鬣狗liè gǒuเลี่ย โก่วไฮยีน่า
骆驼luò tuoลั่ว ทัวอูฐ
水牛shuǐ niúสุ่ย หนิวควาย
niúหนิววัว
熊猫 xióng māoสยง เมาหมีแพนด้า
bàoเป้าเสือดาว
คำศัพท์สัตว์ภาษาจีน หมวดสัตว์น้ำ

ภาษาจีน หมวดหมู่สัตว์น้ำ

สัตว์น้ำ คือสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำเป็นส่วนใหญ่ โดยมีวงจรชีวิตอยู่ในแหล่งน้ำเค็ม และแหล่งน้ำจืด มักเป็นสัตว์ที่ออกลูกเป็นไข่ สัตว์ที่ออกลูกเป็นตัว สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีกระดูกสันหลัง รวมไปถึงสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง และสัตว์ที่มีเปลือก หรือกระดองห่อหุ้ม เนื่องจากสัตว์น้ำเป็นสัตว์ที่น่าสนใจ และแปลกตา ทำให้เด็กๆ สนใจที่จะเรียนรู้คำศัพท์ภาษาจีนมากยิ่งขึ้น มาดูคำศัพท์ภาษาจีนหมวดหมู่หมวดสัตว์น้ำ มีอะไรบ้าง ไปดูกัน

คำศัพท์ภาษาจีนพินอินคำอ่านคำแปล
鲨鱼shā yúซา หยูปลาฉลาม
海豚hǎi túnห่าย ถุนปลาโลมา
海蜇hǎi zhēห่าย เจ่อแมงกะพรุน
海马hǎi mǎห่าย หม่าม้าน้ำ
章鱼zhāng yúจาง หยูปลาหมึกยักษ์
海星hǎi xīngห่าย ซิงปลาดาว
鳐鱼yáo yúเหยา หยูปลากระเบน
斗鱼dòu yúโต้ว หยูปลากัด
鲶鱼nián yúเหนียน หยูปลาดุก
河豚hé túnเฮอ ถุนปลาปักเป้า
海鳗hǎi mánห่าย หม่านปลาไหลทะเล
海胆hǎi dǎnห่าย ต่านเม่นทะเล
海牛hǎi niúห่าย หนิวพะยูน
鲸鱼 jīng yúจิง ยวีปลาวาฬ
海虾hǎi xiā ห่าย เซี่ยกุ้งทะเล
海龟 hǎi guīห่าย กุยเต่าทะเล
小丑鱼xiǎo chǒ uyúเซี๋ยว โฉ่ ยวีปลาการ์ตูน
海豹hǎi bàoห่าย เป้าแมวน้ำ
海蟹hǎi xièห่าย เซี้ยะปูทะเล
鲑鱼guī yúกุย ยวีปลาแซลมอน
คำศัพท์สัตว์ภาษาจีน หมวดสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

ภาษาจีน หมวดหมู่สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ หรือสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก คือสัตว์ที่อาศัยอยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบก ส่วนใหญ่มักเป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง มีผิวหนังที่ชุ่มชื้นเปียกลื่นอยู่ตลอดเวลา หายใจทางเหงือก และออกลูกเป็นไข่ที่ไม่มีเปลือกในน้ำได้ นอกจากนี้ ยังมีสัตว์บางชนิดที่ไม่ได้มีการหายใจทางเหงือก หรือผิวหนังเปียกลื่น แต่มีวงจรชีวิตที่ทำให้ต้องอยู่ทั้งบนบก และในน้ำเช่นกัน ซึ่งสามารถพบได้หลายชนิดในแอฟริกา และบริเวณขั้วโลก เพราะสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำมีหลากหลายชนิด การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาจีนหมวดนี้จึงน่าสนใจสำหรับเด็กๆ ไม่น้อย มาดูคำศัพท์ภาษาจีนหมวดหมู่สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ มีอะไรบ้าง ไปดูกัน

คำศัพท์ภาษาจีนพินอินคำอ่านคำแปล
圆鼻巨蜥yuán bí jù xīเยวียน ปี๋ จวี้ ซีตัวเงินตัวทอง
蜗牛wō niú วัว หนิวหอยทาก
鳄鱼è yúเอ้อ หยูจระเข้
河马hé mǎเฮอ หม่าฮิปโปโปเตมัส
企鹅qǐ éฉี่ เอ๋อเพนกวิน
北极熊běi jí xióngเป่ย จี๋ สงหมีขั้วโลก
螃蟹páng xièผาง เซี่ยปู
青蛙 qīng wāชิง วากบ
คำศัพท์สัตว์ภาษาจีน หมวดสัตว์ปีก

ภาษาจีน หมวดหมู่สัตว์ปีก

สัตว์ปีก คือสัตว์เลือดอุ่น มีกระดูกสันหลัง ออกลูกเป็นไข่ มีปีก มีขน และมีมวลกระดูกที่กลวงเบา ทำให้สามารถบินในอากาศได้ เนื่องจากสัตว์ปีกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่มีความหลากหลายมากที่สุด เพราะมีสายพันธุ์ที่ค้นพบได้ทั่วโลกประมาณ 8,800-9,800 ชนิด มีสีสัน รูปร่าง ขนาด และถิ่นที่อยู่อาศัยที่แตกต่างกัน โดยมีทั้งสัตว์ปีกที่บินไม่ได้อาศัยอยู่ทั้งบนพื้นดิน และสัตว์ปีกที่บินได้บนอากาศ ทำให้การฝึกคำศัพท์ภาษาจีนเกี่ยวกับสัตว์ในหมวดหมู่นี้ดูน่าสนุกมากยิ่งขึ้น มาดูคำศัพท์ภาษาจีนหมวดหมู่สัตว์ปีก มีอะไรบ้าง ไปดูกัน

คำศัพท์ภาษาจีนพินอินคำอ่านคำแปล
火烈鸟huǒ liè niǎoหั่ว เลี่ย เหนียวนกฟลามิงโก
鹌鹑ān chúnอาน ฉุนนกกระทา
秃鹫tū jiùทู จิ้วนกแร้ง
海马tuó niǎoถัว เหนี่ยวนกกระจอกเทศ
鹈鹕tí húถี หูนกกระทุง
yīngอิงนกอินทรีย์
燕子yàn ziเยี่ยน จื่อนกนางแอ่น
孔雀kǒng quèข่ง เชี่ยนกยูง
鸽子gē ziเกอ จื่อนกกระจอก
白鹭 bái lùไป๋ ลู่นกกระยาง
犀鸟xī niǎoซี เหนี่ยวนกเงือก
鹩哥liáo gēเหลียว เกอนกขุนทอง
虎皮鹦鹉hǔ pí yīng wǔหู ผี อิง อู่นกหงษ์หยก
海鸥hǎi’ōuไห่ โอวนกนางนวล
乌鸦wū yāอู ยาอีกา
啄木鸟zhuó mù niǎoจั๋ว มู่ เหนี่ยวนกหัวขวาน
翠鸟cuì niǎoชุ่ย เหนี่ยวนกกระเต็น
鸦鹃yā juānยา จวนนกกระปูด
谷仓猫头鹰gǔcāng māotóuyīngกู่ชาง เมาโถวอิงนกแสก
guànกว้านนกกระสา
คำศัพท์สัตว์ภาษาจีน หมวดหมู่แมลง

ภาษาจีน หมวดหมู่แมลง

สัตว์ประเภทแมลง คือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังประเภทหนึ่ง โดยในทางวิทยาศาสตร์ และกีฏวิทยาสามารถจำแนกเป็นกลุ่มต่างๆ ได้มากถึง 18 กลุ่ม แต่ลักษณะทั่วไปของแมลงคือมักมีลำตัวเป็นปล้องแบ่งเป็นสอง หรือสามส่วนชัดเจน ในบางชนิดอาจแบ่งได้มากกว่าสามปล้อง โดยลำตัวของแมลงจะมีเปลือกห่อหุ้มลำตัว หรือมีสารไคตินเคลือบเอาไว้ นอกจากนี้ แมลงยังมีการขยายพันธุ์ด้วยการออกลูกเป็นไข่ และเมื่อเติบโตเต็มวัยก็อาจมีการลอกคราบเพื่อสร้างเปลือกห่อหุ้มลำตัวใหม่ หรือขยายขนาดลำตัวต่อไป แมลงถือว่าเป็นสัตว์ในประเภทที่สามารถพบเห็นได้ง่าย และเป็นที่นิยมของเด็กๆ ที่ชื่นชอบในการสะสมแมลง จึงทำให้การฝึกคำศัพท์ภาษาจีนในหมวดหมู่นี้ดูน่าสนใจและน่าสนุกไม่น้อยเลย มาดูคำศัพท์ภาษาจีนหมวดหมู่แมลง มีอะไรบ้าง ไปดูกัน

คำศัพท์ภาษาจีนพินอินคำอ่านคำแปล
红蚁hóng yǐหง อี่มดแดง
白蚁bái yǐไป๋ อี่ปลวก
黄蜂huáng fēng หวง เฟิงตัวต่อ
苍蝇cāng yíngชาง อี๋แมลงวัน
蟑螂zhāng lángจาง หลางแมลงสาบ
蜻蜓qīng tíngชิง ถิงแมลงปอ
蜘蛛zhī zhūจือ จูแมงมุม
蚊子wén ziเหวิน จื่อยุง
蜜蜂mì fēngมี่ เฟิงผึ้ง
蚂蚁mǎ yǐหมา อี่มด
竹虫zhú chóngจู ฉงหนอนไม้ไผ่
蚱蜢zhà měngจ้า เหมิ่งตั๊กแตน
蝴蝶hú diéหู เตี๋ยผีเสื้อ
七星瓢虫qī xīng piáo chóngชี ซิง เผียว ชงแมลงเต่าทอง
蝎子xiē ziเซีย จึแมงป่อง
éเอ๋อแมลงเม่า
蜈蚣wú gōngอู๋ กงตะขาบ
萤火虫yíng huǒ chóngอิ๋ง หั่ว ฉงหิ่งห้อย
甲虫jiǎ chóngเจี่ย ฉงด้วงกว่าง

สรุป

การฝึกจำคำศัพท์สัตว์ภาษาจีนในหมวดหมู่ต่างๆ รวมถึงการฝึกแต่งประโยค สามารถช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษาของเด็กๆ ให้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เด็กเข้าใจสิ่งรอบตัวมากขึ้นอีกด้วย โดยผู้ปกครองสามารถนำคำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์เหล่านี้ไปลองให้เด็กๆ ได้ฝึกฝน เพื่อเปลี่ยนให้การเรียนรู้ภาษาจีน ไม่น่าเบื่อสำหรับเด็กอีกต่อไป

หากต้องการฝึกทักษะภาษาจีน หรือภาษาอังกฤษให้กับเด็ก อยากให้เด็กๆ มีพัฒนาการทางด้านภาษาที่ดีไปพร้อมกับการเรียนรู้ที่สนุกสนาน ไว้ใจให้ SpeakUp Language Center เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ เพราะเรามีคุณครูมืออาชีพที่มีประสบการณ์ และเทคนิคการสอนภาษาให้เด็กเล็กตั้งแต่อายุ 2.5-12 ปี มั่นใจได้ว่าเด็กๆ จะได้ความรู้ทางด้านภาษาอย่างเต็มที่ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

learning by doing

Learning by Doing คืออะไร ส่งเสริมการเรียนรู้เด็กๆ ได้ด้วยการลงมือทำ

ในอดีต การเรียนการสอนถูกจำกัดให้มีเพียงแค่คุณครูสอนนักเรียนตามตำรา เรียนรู้ตามทฤษฎีที่มีมาก่อนหน้า แต่เมื่อมาถึงถึงยุคปัจจุบัน รูปแบบการเรียนการสอนได้เปลี่ยนแปลงไป มีอยู่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น ไม่ได้จำกัดแค่การสอนตามตำราในห้องเรียนอย่างเดียว การเรียนรู้ได้สอนให้รู้จักลงมือปฏิบัติ เพื่อให้นักเรียนได้เข้าใจในเนื้อหามากขึ้น ไปจนถึงการเรียนการสอนนอกห้องเรียน เพื่อให้นักเรียนได้สนุกสนานไปกับการเรียน มีความสุขทุกครั้งที่ได้เรียนหนังสือ รวมถึงนักเรียนยังได้ร่วมออกแบบการเรียนที่เหมาะสมกับตนเองได้อีกด้วย

บทความนี้ SpeakUp Language Center จะพาไปทำความรู้จักกับทฤษฎี Learning by Doing ทฤษฎีที่ดีและมีประโยชน์ เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย ว่าเป็นทฤษฎีตัวช่วยให้เด็กๆ ได้สนุกกับการเรียนมากขึ้นจากการสร้างบรรยากาศที่ดีในการเรียนรู้ ช่วยทำให้ผลการเรียนออกมาดีขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจ

learning by doing คืออะไร

Learning by Doing คืออะไร

Learning by Doing แปลว่า การเรียนรู้ผ่านการกระทำ ซึ่งเป็นวิธีการเรียนรู้เชิงรุกโดยอิงจากประสบการณ์ของเด็กๆ ผ่านการกระทำ เพื่อซึมซับแนวคิดต่างๆ ทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้มากขึ้นเมื่อลงมือทำกิจกรรมจริงๆ นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาด และมีสรุปผลหลังจากวิเคราะห์การปฏิบัติ

วัตถุประสงค์หลักที่สำคัญของ Learning by Doing คือการป้องกันไม่ให้นักเรียนลืมความรู้ที่เรียนรู้มาเมื่อเวลาผ่านไป เน้นย้ำผ่านประสบการณ์ แทนที่จะซึมซับแนวคิดผ่านความทรงจำอย่างเดียว นอกจากนี้ยังเป็นแรงจูงใจให้เด็กๆ ได้ศึกษา ค้นคว้าในเรื่องที่สนใจ ก่อนนำไปปฏิบัติจริง จึงทำให้เด็กๆ กระตือรือร้นอยากมีส่วนร่วมในการเรียนมากขึ้น ทำให้เกิดความสนุกและมีความสุขในการเรียนมากกว่าที่เคยเป็น

learning by doing ที่มา

แนวคิด Learning by Doing มีที่มาอย่างไร

Learning by Doing คือทฤษฎีที่เกิดจาก จอห์น ดิวอี (John Dewey) ครูชาวอเมริกันในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งถือว่าเป็นบิดาแห่งการศึกษารูปแบบใหม่ โดยดิวอีคิดว่าการศึกษาควรจะมีความกระตือรือร้น Learning by Doing เลยยึดตามหลักปรัชญาที่มนุษย์มีการปรับตัวเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด จึงมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาให้เป็น ได้รับการเรียนรู้จากการกระทำ จากกระบวนการต่างๆ ของประสบการณ์ที่มนุษย์ต้องได้เจอ 2 ประเภท ประเภทแรกคือ ขั้นปฐมภูมิ ประสบการณ์ใหม่ที่ยังไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ไตร่ตรอง และประเภทที่สองคือ ขั้นทุติยภูมิ ประสบการณ์ที่กลายมาเป็นความรู้ ผ่านกระบวนการทางความคิดไตร่ตรองมาเรียบร้อยแล้ว โดยประสบการณ์ในขั้นปฐมภูมิมักจะเป็นรากฐานของประสบการณ์ในขั้นทุติยภูมิ
หลักการของ learning by doing

หลักการของ Learning by Doing เป็นอย่างไร

ทฤษฎี Learning by Doing คือ การเรียนรู้โดยวิธีปฏิบัติเป็นเทคนิคเชิงรุกที่เน้นการสร้างความรู้ผ่านประสบการณ์และการไตร่ตรองในสภาพแวดล้อมจริงดังที่ได้อธิบายไปแล้ว โดยคำนึงถึงข้อผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ผู้เรียนจะเกิดความรู้ขึ้นได้เมื่อมีการลงมือทำ ซึ่งการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการทำสิ่งต่างๆ กลายเป็นวิธีการสร้างองค์ความรู้แบบ Learning by Doing

วิธีการสร้างองค์ความรู้แบบ Learning by Doing

จากหลักการของทฤษฎี Learning by Doing คือการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้ โดยสามารถเกิดขึ้นได้ผ่านวิธีการดังต่อไปนี้

การสำรวจ (Explore)

การสำรวจเป็นการสำรวจหรือค้นคว้า เริ่มจากตนเองว่ามีความสนใจในเรื่องใด ระหว่างที่มีการสำรวจก็จะได้ค้นพบกับสิ่งใหม่มากมาย ทำให้เด็กๆ ได้พยายามเรียนรู้ ทำความเข้าใจในเรื่องราวนั้นๆ เพิ่มเติม ไปจนถึงการได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากรอบตัวและเรื่องราวในชีวิตประจำวัน ถือเป็นการสำรวจอย่างหนึ่งเช่นกัน

การทดลอง (Experiment)

การทดลอง เป็นการนำสิ่งต่างๆ ที่ได้จากขั้นตอนการสำรวจมาเพื่อปรับใช้ไปในรูปแบบที่ต่างออกไป เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ใหม่ๆ ซึ่งอาจจะเป็นผลลัพธ์ที่ถูกต้องหรือผิดพลาดก็ได้ ถือเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ นำมาเป็นความรู้กักเก็บไว้ในสมองต่อไป

การเรียนรู้จากการกระทำ (Learning by Doing)

การเรียนรู้จากการกระทำ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการสำรวจ ทดลอง โดยจะต้องลงมือทำ ผ่านการปฏิบัติกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้ได้รับการเรียนรู้ผ่านการกระทำนั้นๆ จนสามารถสร้างเป็นองค์ความรู้ของตนเองขึ้นมาได้

การกระทำเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ (Doing by Learning)

การกระทำเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ คือการนำองค์ความรู้ที่ได้จากการกระทำมาต่อยอดให้เกิดการเรียนรู้อื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักจะได้เรียนรู้ในการปรับตัวให้เข้ากับแต่ละสภาพแวดล้อม การแก้ไขปัญหา การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เป็นต้น ซึ่งช่วยส่งเสริมให้เด็กมีการเรียนรู้ที่ดีได้
ตัวอย่างกิจกรรม learning by doing

ตัวอย่างกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้จากการลงมือทำ

สำหรับ Learning by Doing นั้น แม้จะพูดถึงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ แต่ก็ยังเป็นแค่ทฤษฎีอยู่ดี การจะให้ทฤษฎีออกมาเป็นรูปธรรมได้ ต้องทำให้เกิดการปฏิบัติไปในเชิงการทำกิจกรรม โดยมีกิจกรรมต่างๆ ที่สนับสนุนหลักการของ Learning by Doing ซึ่งประสบความสำเร็จในการนำไปใช้ในหลายบริบทมาแล้ว ดังนี้

การทำกิจกรรมกลางแจ้ง และการเคลื่อนไหว

การทำกิจกรรมกลางแจ้ง และการเคลื่อนไหว คือหนึ่งในกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Learning by Doing ที่จะช่วยให้เด็กๆ ได้รับความเพลิดเพลินเมื่อทำกิจกรรม เพราะเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียน กิจกรรมนี้ส่งเสริมให้ได้ใช้แรงเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความกระฉับกระเฉง เช่น การเล่นกีฬา การเต้น การออกกำลังกาย การผจญภัยผ่านฐานต่างๆ เป็นต้น โดยการเรียนรู้ที่จะได้จากกิจกรรมนี้เกี่ยวข้องกับการฝึกและพัฒนาทักษะ ไม่ใช่ทุกกิจกรรมที่เด็กๆ จะสามารถทำได้ดีตั้งแต่ครั้งแรก แต่เมื่อได้ทำกิจกรรมอย่างการเต้น การเล่นกีฬาบ่อยๆ จากทักษะที่พยายามฝึกฝน ในระหว่างทางอาจจะมีล้มลุกคลุกคลาน ทำได้ไม่ดีบ้าง แต่สุดท้ายเด็กๆ ก็จะเรียนรู้ แก้ไขข้อบกพร่องด้วยการลองทำใหม่อีกครั้งเพื่อให้เกิดความสำเร็จได้

การฝึกทำอาหาร หรือการทดลองทางวิทยาศาสตร์

การฝึกทำอาหาร หรือการทดลองทางวิทยาศาสตร์ คือกิจกรรมที่เริ่มต้นจากการเรียนรู้ในตำราก่อน เพื่อให้มีความรู้ที่ถูกต้อง ซึ่งการที่จะทำให้ความรู้ที่เรียนมาเห็นภาพมากขึ้นจึงต้อง Learning by Doing เพราะหากรู้แค่ทฤษฎีอย่างเดียว แต่ไม่เคยได้ฝึกทำอาหาร ฝึกทำขนม หรือทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสารเคมีมาก่อน ถึงเวลาจริงอาจมีการติดขัดหรือทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีพอ การได้ฝึกหรือลองทำมาก่อน จะทำให้ได้เห็นปัญหาว่าผิดพลาดตรงไหน ได้แก้ไขปัญหาในจุดนั้น เมื่อทำเป็นประจำก็จะคล่องมากขึ้น

การฝึกทักษะการสื่อสาร และจัดการอารมณ์ด้วยการเล่นเกม

การฝึกทักษะการสื่อสาร และจัดการอารมณ์ด้วยการเล่นเกม คืออีกหนึ่งกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Learning by Doing ที่จะทำให้เด็กๆ เข้าใจในเรื่องการสื่อสารและการจัดการอารมณ์ได้ง่ายขึ้น โดยเป็นการใช้เกมเกี่ยวกับการสื่อสาร และเกมเกี่ยวกับการแสดงอารมณ์ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ เริ่มจากเกมเกี่ยวกับการสื่อสารต้องเป็นเกมที่ส่งเสริมให้เด็กได้เป็นผู้ฟังมากๆ ฝึกให้เป็นผู้ฟังที่ดี รวมถึงจดจำคำพูดเหล่านั้น สามารถตีความคำพูดให้ถูกต้องได้ เด็กได้ลองพูดตามผ่านเกมการสื่อสาร เมื่อมีการสื่อสารจริงจะได้รู้ว่าควรพูดออกไปแบบไหนถึงจะเป็นการสื่อสารที่ดี

ต่อมาเป็นเกมเกี่ยวกับการแสดงอารมณ์ ที่ทำให้เด็กได้เรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม โดยส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่จำเป็นมากๆ คือการจัดการอารมณ์ เพราะในสังคมเราต้องเจอผู้คนมากมาย หากจัดการอารมณ์ไม่ได้ก็จะเข้ากับผู้อื่นยาก ซึ่งเกมที่มีอยู่ทั่วๆ ไปมักเกี่ยวกับการแสดงอารมณ์ไม่มากก็น้อย ในทุกเกมมักสอนให้เด็กมีความอดทน มีไหวพริบ รู้จักแพ้ รู้จักชนะ หากเด็กๆ เข้าใจอารมณ์ของตนเองที่เกิดขึ้นผ่านเกมได้ รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแค่เกม ก็จะทำให้เรียนรู้ในการจัดการอารมณ์ นำไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้

การทำเวิร์กช็อป หรือการออกสำรวจสถานที่ใหม่ๆ

การทำเวิร์กช็อป หรือการออกสำรวจสถานที่ใหม่ๆ คือกิจกรรม Learning by Doing ที่เกิดขึ้นมาจากความสนใจ อยากรู้อยากเห็น และอยากเรียนรู้ข้อมูลหรือเนื้อหาที่มักไม่ได้มีสอนในตำรา เช่น การทำเวิร์กช็อปสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ อย่างการทำเครื่องปั้นดินเผา การถ่ายภาพ การทำของ D.I.Y ทัศนศึกษาตามสถานที่ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมประเภทนี้ จะเป็นการที่เราได้ใกล้ชิดกับผู้คนที่เข้าใจในเรื่องนั้นๆ หรือไปยังสถานที่ที่สามารถให้ความรู้ได้เพียงแค่การนำเสนอโลกของพวกเขาผ่านเรื่องราวและผลงานต่างๆ ที่ไม่อาจพบเจอบนอินเทอร์เน็ต
ประโยชน์ของการเรียนรู้ learning by doing

ประโยชน์ของการเรียนรู้จากการลงมือทำ

ผลของ Learning by Doing คือ ประโยชน์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวของเด็ก มีทั้งประโยชน์ในระยะสั้นไปจนถึงระยะยาว รวมถึงด้านอื่นๆ ด้วย เรียกได้ว่าคุ้มค่าสำหรับการเรียนรู้ด้วยทฤษฎีนี้ โดยมีประโยชน์ดังนี้

เกิดการเรียนรู้จากกิจกรรมที่ได้ลงมือทำ

เพื่อให้เด็กๆ เห็นภาพและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้ง่ายขึ้น Learning by Doing ซึ่งเป็นทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ จึงเป็นทฤษฎีที่ช่วยให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมหลายอย่างด้วยตนเอง ทำให้ได้เข้าใจเรื่องราวจากกิจกรรม ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้พบเจอปัญหา รู้จักการแก้ปัญหา จนซึมซับเป็นความคิดไว้ประยุกต์ใช้ในภายหลังได้

สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เร็วขึ้น

การเรียนรู้แค่ภาคทฤษฎีเป็นร้อยครั้งไม่สู้การปฏิบัติเพียงครั้งเดียว เพราะ Learning by Doing คือการทำให้เด็กๆ ได้ลงมือทำแบบเห็นภาพชัดเจน เมื่อไม่ต้องคิดภาพในหัวแต่มีภาพให้เห็นตรงหน้าจากการกระทำ จึงส่งผลให้มีการเรียนรู้ในสิ่งต่างๆ ได้รวดเร็วกว่าการไม่ลงมือทำอะไรเลย

เสริมสร้างทักษะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี

ในการลงมือทำบางเรื่องอาจจะเป็นเรื่องที่เด็กๆ ไม่ได้ชำนาญนัก จึงอาจทำให้ทฤษฎี Learning by Doing เกิดปัญหาได้ ยิ่งลงมือทำกิจกรรมบ่อยครั้ง ก็ยิ่งเจอปัญหาได้หลายอย่างที่แตกต่างกันออกไป เมื่อเกิดปัญหาเด็กๆ จะรู้จักหาทางแก้ไขปัญหาเพื่อให้กิจกรรมนั้นๆ ผ่านพ้นไปด้วยดี จึงทำให้มีองค์ความรู้กักเก็บเอาไว้ เผื่อใช้ในสถานการณ์เฉพาะหน้า ได้มีการพลิกแพลงวิธีแก้ไขโดยผ่านการเรียนรู้ ลองผิดลองถูกมาก่อน โดยทักษะนี้จะเป็นทักษะที่ติดตัวเด็กๆ ไปจนถึงเวลาที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ใช้ได้ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน หรือเรื่องอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน

ช่วยทำให้ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น

การทำกิจกรรมหลายอย่างโดย Learning by Doing คือการช่วยให้เด็กค้นหาความชอบ เริ่มจากการที่เด็กๆ ได้ลงมือลองทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาชอบกิจกรรมนั้นๆ หรือไม่ หากไม่ก็ถือว่าได้ลองทำแล้ว แต่หากใช่ พ่อแม่ผู้ปกครองก็ควรสนับสนุนกิจกรรมดีๆ นี้ให้กับลูกหลานต่อไป เด็กๆ จะได้มีกิจกรรมที่สนใจ ได้รู้ด้วยว่าตัวเองนั้นมีความชอบอะไร สิ่งใดที่ทำแล้วบ่งบอกถึงความเป็นเขา รวมถึงมีทักษะดีๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากการเรียนรู้ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว
แนวทางการนำ learning by doing มาปรับใช้กับเด็ก

แนวทางการนำปรัชญา Learning by Doing ไปใช้กับเด็ก

พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถส่งเสริมให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำได้โดยเริ่มต้นจากสิ่งต่างๆ รอบตัว เช่น การเก็บของเล่นให้เป็นที่ เริ่มต้นจากการที่พ่อแม่ผู้ปกครองเก็บของเล่นลงในกล่องทุกครั้งหลังจากลูกเล่นเสร็จ เด็กก็จะมีการสำรวจและจำจดว่าการเก็บของเล่นนั้นทำเช่นไร หลังจากนั้นค่อยปล่อยให้เด็ก ได้ลองเก็บของเล่นหลังเล่นเสร็จด้วยตนเอง ให้ลูกได้รู้ว่าหากไม่เก็บของเล่นให้เป็นที่จะเป็นอย่างไร ห้องจะมีของเล่นระเกะระกะ มีคนมาเดินสะดุดล้มหรือไม่ ก็จะช่วยส่งเสริมให้ลูกเก็บของเล่นหลังเล่นเสร็จทุกครั้ง โดยทุกอย่างสามารถจัดเป็นองค์ประกอบของการเรียนรู้ด้วยตนเองได้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับการแนะแนวทางของพ่อแม่ผู้ปกครองเท่านั้นเอง

SpeakUp Language Center มีรูปแบบการเรียนการสอนภาษาทั้งจีน และอังกฤษแบบ Learning by Doing คือคอร์สสำหรับเด็กๆ ที่มีอายุตั้งแต่ 2.5 – 12 ปี ให้เด็กๆ ได้ลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ผ่านสิ่งที่ชอบและสนใจ จึงทำให้มีแรงจูงใจและมีความสุขในการเรียนมากกว่า ช่วยให้เด็กๆ เรียนรู้ได้ไว และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ ความรู้ใหม่ๆ ส่งผลดีต่อการเรียนรู้ในระยะยาวอีกด้วย

สรุป

Learning by Doing คือการเรียนรู้ผ่านการกระทำให้เด็กๆ ได้ซึมซับแนวคิดจากประสบการณ์ใหม่ๆ กระตุ้นให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาด และมีสรุปผลหลังจากวิเคราะห์การปฏิบัติ เป็นแรงจูงใจให้เด็กๆ ได้ศึกษา ค้นคว้าในเรื่องที่สนใจ ก่อนนำไปปฏิบัติจริง จึงทำให้เด็กๆ กระตือรือร้นอยากมีส่วนร่วมในการเรียนมากขึ้น เกิดความสนุกและมีความสุขในการเรียนมากกว่าที่เคยเป็น เป็นหลักการที่จำเป็นอย่างมากสำหรับเด็กในยุคปัจจุบัน เพราะการค้นหาข้อมูลที่รวดเร็วแค่ปลายนิ้ว ทำให้เด็กๆ มักจะรู้ตามตำราหรือทฤษฎีมากกว่าการปฏิบัติจริง จึงทำให้องค์ความรู้นั้นไม่สามารถนำมาใช้จริงได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เพราะไม่เคยมีการฝึกหรือลองทำมาก่อน หากแต่เมื่อมีการลงมือทำจริง อย่างน้อยก็ยังได้เห็นภาพ ได้รับรู้ว่าความรู้ที่มีนั้นเมื่อนำมาใช้จริงจะเป็นอย่างไร รวมไปถึงความรู้บางอย่างที่ไม่สามารถหาได้ ต้องลงไปสถานที่จริง ทำจริงเท่านั้น ตรงนี้ก็จะทำให้ได้การเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ที่ส่งผลดีกับการเรียนรู้ของเด็กๆ ทั้งในวันนี้และในอนาคต
เล่นเกมภาษาจีน

รวมเกมฝึกภาษาจีนสนุกๆ เสริมสร้างทักษะการสื่อสารสำหรับเด็กเล็ก

สำหรับการฝึกภาษาจีนสามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งด้านการอ่าน การพูด หรือการฟัง ในปัจจุบันที่มีการพัฒนาวิถีแห่งการเรียนรู้อยู่เสมอ การฝึกเล่นเกมภาษาจีนก็เป็นวิธีที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะสามารถเรียนรู้ภาษาได้แล้ว ยังเพิ่มความน่าสนใจในการเรียนรู้ ทำให้การเรียนภาษาจีนไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

การฝึกภาษาจีนจะไม่ยากสำหรับเด็กอีกต่อไป ถ้าฝึกฝนในรูปแบบการเล่นเกม ในบทความนี้มีเกมฝึกภาษาจีนที่น่าสนใจมากมายที่ Speak Up รวบรวมมาให้ ซึ่งเหมาะกับการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ และจำเป็นสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการให้ลูกๆ มีประสบการณ์ที่ดีในการเรียนรู้ภาษาจีน

ทำไมต้องเรียนภาษาจีนแต่เด็ก

ทำไมต้องเรียนภาษาจีนตั้งแต่เด็ก

ก่อนจะไปรู้จักกับการเล่นเกมต่างๆ ในการฝึกภาษาจีน สำหรับผู้ปกครองที่สนใจอยากให้ลูกฝึกภาษาจีนตั้งแต่วันนี้ มาดูข้อดีของการสอนให้เด็กเรียนรู้ภาษาจีนตั้งแต่เด็ก ว่าจะสามารถช่วยฝึกทักษะภาษา และช่วยเสริมสร้างพัฒนาการอย่างไรบ้าง

ทำให้เด็กมีความจำดีขึ้น

การเรียนรู้ภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาใด การเรียนรู้ตั้งแต่เด็กๆ จะช่วยให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในวัยเด็ก เป็นวัยแห่งการอยากรู้อยากลองสิ่งต่างๆ การเรียนภาษาจีนตั้งแต่ยังเด็ก จึงเป็นวิธีที่จะเสริมสร้างการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ประสบการณ์ถือเป็นเรื่องสำคัญ

มีทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ดีกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน

การเรียนภาษาจีนตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะการเรียนด้วยเกมภาษาจีนแบบสนุกๆ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเรียนแบบจำแล้วนำไปใช้ แต่เป็นการเรียนที่ลงลึกไปยังโครงสร้างของภาษา ที่ทำให้เด็กๆ สามารถฟัง พูด อ่าน หรือเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มีความคิดสร้างสรรค์

เนื่องจากวัยเด็ก เป็นวัยแห่งการเรียนรู้ การเรียนภาษาจีนตั้งแต่ยังเด็กจึงเป็นกระบวนการที่ช่วยพัฒนาสมองให้เด็กสามารถคิดได้ทั้งในเชิงตรรกะ หรือการใช้เหตุผลในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้ และที่สำคัญยังช่วยพัฒนาความคิดในเชิงสร้างสรรค์ ที่เป็นองค์ความคิดสำคัญ ที่จะช่วยให้การเรียนรู้ไม่เป็นเพียงการเรียนแบบผิวเผิน แต่เป็นการเรียนรู้แบบลึกซึ้งในศาสตร์นั้นๆ

รู้จักแก้ไขปัญหา

การเรียนภาษาจีนมักเน้นในการฟังเสียง ทำให้ผู้เรียนสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างเสียงได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะการเรียนแบบเล่นเกมภาษาจีน ยิ่งช่วยให้ทักษะในด้านการแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

มีทักษะในการตัดสินใจที่ดี

เนื่องจากการฝึกภาษาที่ไม่ได้เป็นภาษาโดยกำเนิดจำเป็นต้องใช้กระบวนการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลมากกว่าปกติ ทำให้เด็กสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น

ทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันได้

เด็กที่เรียนรู้ภาษาจีนตั้งแต่ยังเด็ก จะมีความสามารถทำหลายอย่างพร้อมๆ กันได้ เนื่องจากมีความเคยชินต่อการเรียนหลายภาษาพร้อมกัน ทำให้การทำงานของสมองซับซ้อนขึ้น มีสมาธิมากขึ้น จึงทำให้สามารถทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างไม่ติดขัด

เกมฝึกทักษะภาษาจีนสำหรับเด็กๆ

การเล่นเกมภาษาจีนสนุกๆ จะช่วยให้พัฒนาการด้านภาษาของเด็กๆ มีพัฒนาการที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูกๆ ดีขึ้นอีกด้วย มาดูกันว่ามีเกมไหนที่น่าสนใจกันบ้าง
เล่นเกมภาษาจีน เกมโดมิโน่คำศัพท์

เกมโดมิโนคำศัพท์

เกมโดมิโนถือกำเนิดที่ประเทศจีนในช่วงศตวรรษที่ 12 และได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน โดยสามารถนำมาประยุกต์ได้หลากหลายแบบ นำมาเล่นเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ หรือเพื่อใช้เป็นการสื่อการสอนที่น่าสนใจก็ได้เช่นกัน โดยเฉพาะการนำมาใช้ฝึกเล่นเกมโดมิโนในรูปแบบภาษาจีน

โดยมีวิธีการทำง่ายๆ ดังนี้
  1. ลิสต์คำศัพท์ภาษาจีนแยกไว้เป็นหมวดหมู่
  2. นำคำศัพท์มาเขียนลงกระดาษแข็ง หรือไม้ไอติมที่เตรียมไว้ 
  3. ตกแต่งให้สวยงาม โดยขั้นตอนนี้สามารถขอความร่วมมือจากเด็กๆ ให้มาช่วยกันตกแต่งได้ เพราะสามารถช่วยเสริมสร้างทักษะความสร้างสรรค์ และสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กและพ่อแม่ด้วย

เพียงเท่านี้ก็จะได้เกมโดมิโนฝึกภาษาจีนสนุกๆ ให้ได้เล่นกันแล้ว โดยวิธีการเล่นก็ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน คือ ให้เด็กๆ ฝึกการจดจำคำศัพท์ด้วยการแยกหมวดหมู่ เพราะการวางโดมิโนที่ต่อกันในเกมนี้ ควรวางให้ต่อกันด้วยการอิงจากคำศัพท์ที่มีหมวดหมู่เดียวกันนั่นเอง

เล่นเกมภาษาจีน เกมชอปปิงทายคำศัพท์

เกมชอปปิงทายศัพท์

การฝึกภาษาจีนให้ได้ผล จำเป็นต้องนำภาษาจีนนั้นมาใช้ในชีวิตจริง เพราะเป็นการนำมาปรับใช้จริง ช่วยให้เด็กๆ ไม่เบื่อ โดยพ่อแม่สามารถชวนเด็กๆ ออกไปซื้อของ และลองใช้โอกาสนี้ฝึกให้เด็กๆ สะกดชื่อสินค้าต่างๆ เป็นภาษาจีน หรือให้เด็กๆ ลองอ่านราคาของสินค้าก็ได้เช่นกัน เสมือนเป็นการเล่นเกมภาษาจีนประกอบกับการนำไปใช้ในชีวิตจริง

เพียงเท่านี้ก็จะได้ฝึกเกมภาษาจีนสนุกๆ แล้ว โดยเกมชอปปิงแล้วทายคำศัพท์เป็นเกมที่พ่อแม่ หรือผู้ปกครองสามารถนำไปใช้ฝึกลูกๆ ได้ เพราะไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ หรือต้องประดิษฐ์อะไรให้วุ่นวาย นอกจากนี้ ยังสามารถปรับใช้กับสถานการณ์อื่นๆ ได้อีก ไม่ใช่แค่ขณะไปชอปปิงเท่านั้น

เกมภาษาจีน เกมจับคู่การ์ดคำศัพท์

เกมจับคู่ของกับการ์ดคำศัพท์

อีกเกมที่น่าสนใจคือเกมจับคู่คำศัพท์ ที่จะช่วยให้การจำศัพท์ภาษาจีนน่าสนุกมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นการช่วยให้ทบทวนคำศัพท์จากสิ่งของรอบตัว และช่วยฝึกทักษะการสังเกตอีกด้วย เพราะเป็นเกมที่จำเป็นต้องหาคำศัพท์ที่ซ่อนอยู่ในบริเวณต่างๆ มาจับคู่กับสิ่งของภายในบ้าน สร้างความทรงจำเกี่ยวกับคำศัพท์ได้ด้วยสถานการณ์จริง ถือว่าเป็นเกมฝึกภาษาจีน ที่น่าสนใจเลยทีเดียว

โดยมีวิธีการทำง่ายๆ ดังนี้
  1. ลิสต์คำศัพท์ภาษาจีนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งของภายในบ้าน
  2. นำคำศัพท์มาเขียนลงกระดาษที่เตรียมไว้
  3. ตกแต่งตามความต้องการ โดยขั้นตอนนี้สามารถขอความร่วมมือจากเด็กๆ ให้มาช่วยกันตกแต่งได้ เพราะสามารถช่วยเสริมสร้างทักษะความสร้างสรรค์ และสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้ปกครองด้วย

เพียงเท่านี้ก็จะได้เกมจับคู่คำศัพท์ให้ได้ฝึกทักษะภาษาจีนกันแล้ว โดยวิธีการเล่นก็ง่ายๆ คือการให้เด็กๆ หาคำศัพท์ที่นำไปซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน เมื่อหาคำศัพท์ได้แล้วก็ให้เด็กๆ นำคำศัพท์นั้นๆ มาจับคู่กับสิ่งของภายในบ้าน

เล่นเกมภาษาจีน เกมปั้นดินเป็นคำศัพท์

เกมปั้นดินเป็นคำศัพท์

การปั้นดินน้ำมันถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมือได้เป็นอย่างดี ทำให้ทักษะการเขียนเป็นไปอย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยพัฒนาด้านอารมณ์ด้วย เนื่องจากการปั้นดินน้ำมันสามารถช่วยให้เด็กๆ ปลดปล่อยอารมณ์ ลดความเครียด สร้างความสุขให้กับเด็กๆ

โดยพ่อแม่หรือผู้ปกครองสามารถนำการปั้นดินน้ำมันมาประยุกต์เป็นการเล่นเกมภาษาจีนก็ได้ เช่น การนำดินน้ำมันมาปั้นเป็นรูปร่างต่างๆ ตามคำศัพท์ภาษาจีน โดยพ่อแม่ หรือผู้ปกครองสามารถประดิษฐ์ใบคำศัพท์ภาษาจีน และให้เด็กๆ จับฉลาก เมื่อจับมาได้คำศัพท์ไหนก็ให้เด็กๆ ปั้นเป็นรูปนั้นๆ เช่น เมื่อจับฉลากได้เป็นรูปสี่เหลี่ยม ก็สามารถให้เด็กๆ ปั้นดินน้ำมันเป็นรูปสี่เหลี่ยมตามที่จับฉลากได้นั่นเอง การเล่นเกมฝึกภาษาจีนในรูปแบบนี้จะสามารถช่วยฝึกให้เด็กๆ จดจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น และสนุกขึ้นด้วย

เล่นเกมภาษาจีน เกมเขียนหลังทายคำศัพท์

เกมเขียนหลังทายคำศัพท์

การเล่นเกมเขียนหลังแล้วให้ทายคำ เป็นเกมที่ได้รับความนิยมในทุกเพศทุกวัย สามารถนำมาประยุกต์การเล่นเป็นเกมฝึกภาษาจีนในชั้นเรียน หรือที่เล่นบ้านก็ได้เช่นกัน

วิธีการเล่นเกมก็ไม่ได้ยุ่งยากและซับซ้อนมากนัก เพราะไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ เลย เป็นเพียงการใช้นิ้วมือวาดไปที่แผ่นหลังของเด็กๆ โดยสามารถวาดเป็นรูปต่างๆ แบบพื้นฐานง่ายๆ เช่น รูปทรง ตัวเลข หรืออาจจะวาดเป็นตัวอักษรภาษาจีนต่างๆ ก็ได้เช่นกัน จากนั้นให้เด็กๆ ใบ้คำนั้นเป็นภาษาจีนให้ถูกต้อง นอกจากเกมนี้จะช่วยฝึกภาษาจีนแล้ว ยังช่วยให้ผู้ปกครองสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับลูกๆ และเพิ่มทักษะการสังเกต การจิตนาการให้กับเด็กๆ ด้วยเช่นกัน

เล่นเกมภาษาจีน เกมจับคู่คำศัพท์สี

เกมจับคู่คำศัพท์สี

การฝึกภาษาจีนด้วยการเล่นเกมจับคู่สี นอกจากจะเป็นการฝึกภาษาจีนแล้ว ยังสามารถเพิ่มทักษะการสังเกต การเปรียบเทียบ และการวิเคราะห์ได้ด้วย

โดยมีวิธีการทำง่ายๆ ดังนี้
  1. นำกระดาษสีต่างๆ มาแปะติดเข้ากับกระดาษแข็ง โดยขั้นตอนนี้สามารถขอความร่วมมือจากเด็กๆ ให้มาช่วยกันติดได้ เพราะจะช่วยเสริมทักษะความสร้างสรรค์ และสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้ปกครองได้ด้วย
  2. นำคำศัพท์มาเขียนลงกระดาษที่เตรียมไว้ด้วยคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสีนั้นๆ
  3. แยกคำศัพท์ใส่โหลหรือภาชนะที่เตรียมไว้ โดยแยกเป็น 2 ประเภท คือการ์ดสีกับการ์ดคำศัพท์

เพียงเท่านี้ก็จะได้เกมฝึกภาษาจีนสนุกๆ กันแล้ว โดยวิธีการเล่นก็ไม่ซับซ้อนมากนัก โดยผู้ปกครองจะเป็นคนจับฉลากสี เมื่อจับได้สีไหน ก็ให้เด็กๆ ตอบเป็นเป็นคำศัพท์ที่เป็นคำแปลภาษาจีนของสีนั้นๆ หรือสามารถสลับการเล่นกันได้ โดยจับฉลากที่เป็นคำศัพท์ เมื่อได้คำศัพท์มาแล้วก็ให้เด็กๆ เลือกจาการ์ดสีว่าคำศัพท์นั้นๆ ตรงกับการ์ดสีไหน

สรุป

การเรียนภาษาจีนในรูปแบบการเล่นเกมภาษาจีน ช่วยเสริมสร้างทักษะและพัฒนาการด้านภาษา การสังเกต การวิเคราะห์ และความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ยังเป็นการฝึกภาษาที่สร้างความสนุกสนาน มีรูปแบบเกมที่ไม่ยากจนเกินไป ทำให้เด็กๆ สามารถมีความสุขไปกับการฝึกได้ ช่วยพัฒนาการด้านงานฝีมือในการฝึกประดิษฐ์เกมที่น่าสนใจ อีกทั้งยังช่วยให้พ่อแม่ หรือผู้ปกครองสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับลูกได้มากยิ่งขึ้น

หากต้องการให้ลูกๆ มีทักษะภาษาจีนที่ดีมากขึ้น ที่ Speak Up ก็มีการสอนภาษาจีนโดยครูที่เชี่ยวชาญทางภาษา มีประสบการณ์ในการสอน สอนด้วยการปฏิบัติ ที่มีการเรียนรู้ผ่านการเล่นเกมด้วยเช่นกัน หลักสูตรแต่ละหลักสูตรเหมาะสมกับเด็กแต่ละช่วงวัย

เทคนิคการเล่าเรื่อง Storytelling คืออะไร ฝึกยังไงให้เล่าอย่างสร้างสรรค์

เทคนิคการเล่าเรื่อง Storytelling คืออะไร ฝึกยังไงให้เล่าอย่างสร้างสรรค์

การเล่าเรื่อง (Storytelling) เป็นหนึ่งในวิธีการส่งต่อ หรือถ่ายทอดองค์ความรู้ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ และจินตนาการต่างๆ ที่สร้างกระบวนการพัฒนาให้แก่มวลมนุษยชาติมาตลอดระยะเวลาหลายศตวรรษ รวมถึงสื่อบันเทิงประเภทนวนิยาย นิทาน หนังสือ ภาพยนตร์ และบทเพลงที่ล้วนแต่ใช้เทคนิคในการเล่าเรื่อง หรือ storytelling เป็นพื้นฐานทั้งสิ้น


บทความนี้ Speak Up Language Center จึงอยากพาไปทำความรู้จักกับ Storytelling ประเภท เทคนิคการเล่าเรื่องราว และตัวอย่าง Storytelling ที่น้องๆ นักเรียนหลายคนต้องได้ใช้เพื่อการนำเสนอ หรือเพื่อส่งต่อเรื่องราวต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ โดยผู้ปกครองสามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เด็กๆ ได้ฝึกฝนอย่างเป็นประจำ เพื่อการเป็นนักเล่าเรื่องที่ดีในอนาคตได้

executive function คือ

ทำความรู้จัก Execution Function (EF) ทักษะพัฒนาสมอง

การเล่าเรื่อง (Storytelling) เป็นหนึ่งในวิธีการส่งต่อ หรือถ่ายทอดองค์ความรู้ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ และจินตนาการต่างๆ ที่สร้างกระบวนการพัฒนาให้แก่มวลมนุษยชาติมาตลอดระยะเวลาหลายศตวรรษ รวมถึงสื่อบันเทิงประเภทนวนิยาย นิทาน หนังสือ ภาพยนตร์ และบทเพลงที่ล้วนแต่ใช้เทคนิคในการเล่าเรื่อง หรือ storytelling เป็นพื้นฐานทั้งสิ้น


บทความนี้ Speak Up Language Center จึงอยากพาไปทำความรู้จักกับ Storytelling ประเภท เทคนิคการเล่าเรื่องราว และตัวอย่าง Storytelling ที่น้องๆ นักเรียนหลายคนต้องได้ใช้เพื่อการนำเสนอ หรือเพื่อส่งต่อเรื่องราวต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ โดยผู้ปกครองสามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เด็กๆ ได้ฝึกฝนอย่างเป็นประจำ เพื่อการเป็นนักเล่าเรื่องที่ดีในอนาคตได้

ทำความรู้จัก Storytelling คืออะไร

ทำความรู้จัก Storytelling คืออะไร

Storytelling คือ การเล่าเรื่องราวที่มีคุณค่า มีความหมาย หรือมีนัยยะสำคัญ เพื่อถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ หรือสิ่งต่างๆ ที่ต้องการสื่อสารผ่านเรื่องเล่าด้วยวิธีการพูด และการเขียนเป็นหลัก โดยเน้นให้ผู้ฟัง หรือผู้รับสารได้มีส่วนร่วมในเรื่องราวที่นำเสนอ ได้รับประสบการณ์ร่วม มีอารมณ์ร่วม หรือความรู้สึกที่เชื่อมโยงกัน รวมถึงเข้าใจในเนื้อหาของสิ่งที่ผู้สื่อสาร หรือนักเล่าเรื่องราวต้องการสื่อสารออกมา

นอกจากนี้ การเล่าเรื่อง Storytelling ยังมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้คนจดจำ ทำให้เกิดความบันเทิง หรือสนุกสนาน สร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต หรือใช้เพื่อดึงดูดความสนใจในมิติต่างๆ ตลอดจนใช้เพื่อการเรียนการสอนให้แก่คนในสังคม โดยเฉพาะเรื่องวิถีชีวิต ค่านิยม ประเพณี วัฒนธรรม และศาสนา

หลักการเล่าเรื่อง Storytelling

หลักการเล่าเรื่อง Storytelling

หลักการเล่าเรื่อง Storytelling เป็นสิ่งที่ต้องใช้ทั้งทักษะการผูกเรื่องราว การเล่าเรื่องให้น่าติดตาม และมีความน่าสนใจ เพื่อให้ผู้ชม หรือผู้ฟังเกิดความอยากรู้อยากเห็น นอกจากนี้ การเล่าเรื่องที่ดียังต้องมีความขัดแย้ง หรือมีจุดพลิกผันของเรื่องราวที่ผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัว เพื่อให้เกิดประสบการณ์ร่วมระหว่างผู้สื่อสาร และผู้รับสารไปพร้อมๆ กันตลอดเส้นทางของเรื่องเล่าจนกระทั่งถึงตอนจบ


ตัวอย่าง Storytelling เช่น นิทานเรื่องลูกเป็ดขี้เหร่ ที่เป็นการเล่าเรื่องราวเส้นทางชีวิตของเจ้าลูกเป็ดขี้เหร่ ซึ่งมีความขัดแย้งของเนื้อเรื่อง ผสมผสานกับจังหวะการเล่าที่น่าติดตาม เพื่อเอาใจช่วยลูกเป็ดขี้เหร่ ตั้งแต่การที่ลูกเป็ดขี้เหร่เกิดมาไม่เหมือนกับเป็ดตัวอื่นๆ มีลักษณะที่แตกต่าง โดนรังแก หรือต้องหนีเอาชีวิตรอดจนเติบโต กระทั่งสุดท้ายได้ไปเจอกับฝูงหงส์แสนสวย ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเองคือหงส์ที่สวยงาม และได้อยู่ในที่ที่เหมาะกับตัวเองอย่างแท้จริง พร้อมให้แง่คิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิต การอดทน เรียนรู้ พัฒนาตนเอง และต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคต่างๆ แม้เลือกเกิดไม่ได้ แต่ก็เลือกที่จะเป็นในสิ่งที่ดีได้

Storytelling มีลักษณะอย่างไร

Storytelling มีลักษณะอย่างไร

Storytelling ที่ดีต้องเป็นเรื่องราวที่มีคุณค่า และความหมาย สามารถดึงความสนใจ หรือเชื่อมโยงให้ผู้ฟัง

 หรือผู้รับสารรู้สึกตามได้ โดยลักษณะของการเล่าเรื่อง Storytelling มีดังนี้

  • เป็นเรื่องราวที่มีความสำคัญ และต้องมีการทำความเข้าใจ รวมถึงมีการนำไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม
  • เป็นเสมือนเครื่องมือที่ใช้ในการเรียนรู้เรื่องราว และการเล่าเรื่องให้เชื่อมโยงกับผู้คน ผู้ฟัง เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เช่น การเรียน การสอน หรือการพัฒนาชีวิต 
  • เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก ความคิด หรือค่านิยมของผู้รับสาร เช่น ความเข้าอกเข้าใจ ความสามัคคี ความสร้างสรรค์ ความอดทน หรือความรักความเมตตา
  • เป็นเรื่องราวที่มีการเรียบเรียงข้อมูล ชุดคำถาม หรือจุดประสงค์ในการเล่าเรื่องอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การเล่าเรื่องราวต่างๆ มีประสิทธิภาพมากที่สุด
Storytelling มีกี่ประเภท

Storytelling มีกี่ประเภท

การเล่าเรื่องแบบ Storytelling แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

การเล่าเรื่องราวสิ่งที่เป็นนามธรรมให้จับต้องได้

Storytelling ประเภทแรก คือ การเล่าเรื่องราวสิ่งที่เป็นนามธรรมให้จับต้องได้ หรือการเปลี่ยนเรื่องราวที่ยาก และซับซ้อนให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะบ่อยครั้งที่ข้อมูลบางอย่าง ไอเดีย หรือแนวคิดต่างๆ มากมาย อาจทำให้คนเราเกิดความสับสน หรือเข้าใจผิด การเล่าเรื่องแบบ Storytelling จึงเข้ามามีบทบาทในการทำเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่าย ช่วยให้ผู้คนเข้าใจแนวคิด หรือทฤษฎีต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม จับต้องได้ หรือเป็นการนำเรื่องราวที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้มาผสมผสานกัน จนเกิดเป็นไอเดียที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้ผู้รับสารรู้สึกตามได้ว่าสิ่งนามธรรมที่ถ่ายทอดออกมา บางครั้งก็อาจนำไปใช้ในชีวิตจริงได้เช่นกัน

การเล่าเรื่องราวเพื่อเชื่อมโยงผู้คนให้เข้าหากัน

Storytelling ประเภทที่สอง คือ การเล่าเรื่องราวเพื่อเชื่อมโยงผู้คนให้เข้าหากัน เพราะการเล่าเรื่องราวเป็นภาพใหญ่ หรือการสื่อสารแบบเล่าเรื่อง สามารถใช้แทนการเขียน หรือตัวหนังสือได้ดีกว่า ทำให้ผู้รับสาร หรือผู้ฟังได้รับข้อมูลที่ให้ความรู้สึกต่างออกไปจากการอ่าน เนื่องจากมนุษย์เราทุกคนมีอารมณ์ ความรู้สึกที่สามารถแบ่งปัน หรือส่งต่อผ่านเรื่องราวต่างๆ ได้ ทำให้เรื่องราวที่เกี่ยวกับความรัก ครอบครัว หรือการสูญเสีย สามารถเชื่อมโยงความรู้สึกของมนุษย์ได้อย่างน่าอัศจรรย์

เทคนิคการเล่าเรื่อง Storytelling ให้สร้างสรรค์

เทคนิคการเล่าเรื่อง Storytelling ให้สร้างสรรค์

การเล่าเรื่อง Storytelling ต้องมีความเข้าใจ และผสมผสานเทคนิคต่างๆ เข้าด้วยกัน แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะ Storytelling เป็นทักษะที่ฝึกฝนได้ โดยผู้ปกครองสามารถชวนน้องๆ หนูๆ มาฝึกเทคนิคการเป็นนักเล่า เพื่อให้สามารถเล่าเรื่องแบบ Storytelling ได้อย่างสร้างสรรค์ และมีความน่าสนใจมากขึ้น ดังนี้

การดึงความสนใจจากผู้ชม หรือผู้ฟัง

การเล่าเรื่อง Storytelling ต้องมีการเรียบเรียงข้อมูล หรือรายละเอียดของเรื่องราวอย่างเป็นระบบ และต้องเป็นเรื่องราวที่มีคุณค่า มีความหมาย และมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน เช่น ต้องการเล่าเรื่องเพื่อความบันเทิง เพื่อให้ได้ข้อคิดบางอย่าง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ หรือเพื่อสร้างอารมณ์ความรู้สึกร่วม โดยมีเทคนิค คือ การดึงความสนใจผู้ชม หรือผู้ฟังด้วยความขัดแย้ง (conflict) ของเรื่อง หรือเหตุการณ์ระหว่างทางของเรื่อง ตลอดจนการเปรียบเปรยเพื่อให้คนคิด หรือรู้สึกตามได้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยดึงความสนใจของผู้รับสารให้ติดตามเรื่องราวตั้งแต่ต้นไปจนจบได้ดีมากยิ่งขึ้น

หาจุดร่วมระหว่างเรื่องที่อยากเล่า กับสิ่งที่คนอยากฟัง

เทคนิคการเล่าเรื่อง Storytelling ที่สำคัญ คือ การหาจุดร่วมระหว่างเรื่องที่อยากเล่า กับสิ่งที่คนอย่างฟัง คือ เทคนิคต่อเนื่องจากการดึงดูดความสนใจ เรื่องราวที่คนส่วนใหญ่อยากฟัง มักเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตัวผู้ฟัง หรืออย่างน้อยก็มีความเชื่อมโยงทางความคิด ความชอบ ความสนใจ หรือความรู้สึกบางอย่างของผู้ฟัง ดังนั้น ในฐานะของการเป็นนักเล่าเรื่อง ต้องทำความเข้าใจคนฟังก่อนว่าเขาเป็นใคร เขาชอบฟังเรื่องราวแบบไหน อาจเริ่มจากการมองภาพรวมก่อนว่าเรื่องที่ต้องการเล่ามีความเชื่อมโยงอย่างไรกับผู้ฟัง สามารถแก้ไขปัญหา สร้างประโยชน์ หรือสร้างความหมายให้ผู้ฟังอย่างไรได้บ้าง

ตัวอย่าง Storytelling

การเล่าเรื่องปัญหาโลกร้อน ถ้าเล่าปัญหาทั่วไป ใครๆ ก็ทราบดีอยู่แล้ว และไม่ได้มีความน่าสนใจมากนัก เพราะอาจเป็นเรื่องไกลตัว แต่หากเล่าเรื่องโดยดึงเอาปัญหาให้เข้ามาให้ใกล้ตัวคนฟัง ก็อาจทำให้เรื่องราวมีความน่าสนใจ และสร้างอารมณ์ร่วมระหว่างผู้เล่า กับผู้ฟังได้มากขึ้น เช่น 

“โลกร้อนเกิดจากอาหารน้องหมา น้องแมว เพราะอาหารสัตว์เลี้ยงมีกระบวนการที่ทำให้สูญเสียทรัพยากรเยอะ และเกิดมลพิษจากโรงงานจำนวนมาก อีกทั้งอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเดิมๆ ยังก่อให้เกิดอาการแพ้ในน้องหมา น้องแมวได้บ่อยครั้ง จะดีกว่าไหมถ้าเปลี่ยนมาใช้อาหารสัตว์เลี้ยงที่มาจากแมลง หรือโปรตีนทางเลือก เพราะใช้ทรัพยากรน้อยกว่า มีเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับโลกมากกว่า และยังช่วยให้น้องหมา น้องแมวมีสุขภาพดี”

จากตัวอย่าง เรื่องที่อยากเล่า คือ การยกปัญหาโลกร้อนที่เกิดจากอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเดิมๆ โดยแสดงให้เห็นความสำคัญของปัญหา และสิ่งที่กระทบโดยตรงกับน้องหมา น้องแมวของผู้คน เพราะคนกลุ่มนี้มักประสบปัญหาสัตว์เลี้ยงแพ้อาหาร หรือสุขภาพไม่ดีจากอาหารบ่อยครั้ง ทำให้เกิดความรู้สึกร่วม เพราะปัญหาโลกร้อนส่งผลกระทบกับสัตว์เลี้ยงของคนโดยตรง เป็นการดึงเอาปัญหาเข้ามาใกล้ตัวผู้ฟังมากขึ้น ทำให้คนเล่าได้เล่าในสิ่งที่อยากเล่า และคนฟังก็ได้ฟังในสิ่งที่อยากฟัง

เข้าใจคาแรกเตอร์ และความเป็นตัวเอง

การเข้าใจคาแรกเตอร์ หรือความเป็นตัวเอง คือ การเข้าใจว่าตัวของผู้เล่าเองเป็นคนแบบไหน มีลักษณะท่าทางการพูด การแสดงออกทางสีหน้า แววตา หรือภาษากายอย่างไร มีอารมณ์ประมาณไหน รวมถึงมุมมองของคนภายนอกที่มองเราว่าเป็นอย่างไร เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้เล่าสามารถนำมาปรับใช้กับการเล่าเรื่องของตัวเองได้ เช่น หากเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน ก็อาจเหมาะกับการเล่าเรื่องที่มีความบันเทิง ให้แง่คิด และสนุกสนาน หรือถ้าเป็นคนเคร่งขรึม อาจลองเล่าเรื่องที่มีความจริงจัง เล่นกับอารมณ์ หรือความรู้สึกของผู้ฟัง เป็นต้น

รู้ทันกระแสสังคม และนำเทคโนโลยีมาปรับใช้

ปัจจุบันข้อมูล องค์ความรู้ต่างๆ สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพราะเรามีอินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ง่ายต่อการเข้าถึงกระแสความนิยมในเรื่องต่างๆ ที่มีมากมายในแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชันออนไลน์ การติดตามข่าวสาร และการนำเอาข้อมูลข่าวงสารเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ในการเล่าเรื่องราว ก็จะช่วยให้การเล่าเรื่อง Storytelling มีความสดใหม่ เท่าทันเหตุการณ์ และทำให้ผู้ฟังรู้สึกมีอารมณ์ร่วมมากขึ้น


โดยมีเทคนิค คือ การเลือกประเภทของเรื่องราวที่มีคุณภาพ เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม และการนำเสนอที่มีความน่าสนใจ เช่น การเล่าเรื่องนิทรรศการภาพ แสง สี ของแวนโก๊ะที่จัดขึ้นในประเทศไทย เป็นช่วงที่คนฮิตไปกัน อาจไปทำคอนเทนต์เล่าเรื่อง ความสำคัญ การเดินทางไปเยี่ยมชม หรือสิ่งที่ได้หลังจากการไปออกมาเป็นวิดีโอ ตัดต่อการพากษ์เสียงเล่าเรื่องให้น่าสนใจ เพียงเท่านี้ก็เป็นการฝึกการเล่าเรื่อง Storytelling แบบยุค 4.0 ได้อย่างไม่ตกเทรนด์

เปิดรับความสร้างสรรค์ให้เต็มที่

หลักการเล่าเรื่อง Storytelling ที่ต้องไม่ลืมเด็ดขาด คือ ความคิดสร้างสรรค์ การเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ไม่ปิดกั้นความคิด และจินตนาการ โดยความสร้างสรรค์อาจเป็นเรื่องราวความเชื่อ ความชอบส่วนตัว กิจกรรมในวัยเด็กในความทรงจำ สิ่งของสะสม เรื่องราวแปลกๆ หรือการทำอะไรที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้ทำ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้การเล่าเรื่อง Storytelling มีเอกลักษณ์ มีความน่าสนใจ และแตกต่างจากคนอื่นๆ มากยิ่งขึ้น

ฝึกการเล่าเรื่องจากตัวอย่าง Storytelling

เทคนิคการเล่าเรื่อง Storytelling ที่ง่ายที่สุด คือ การฝึกเล่าเรื่องจากตัวอย่าง Storytelling นิทาน หรือเรื่องสั้นต่างๆ เพราะเรื่องราวเหล่านี้มักสร้างมาเพื่อจุดประสงค์สำคัญ มีความเรียบง่าย มีคุณค่า และความหมายแฝงบางอย่าง อีกทั้งยังช่วยสร้างอารมณ์ และความรู้สึกร่วมให้กับผู้ฟังได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีการแทรกแนวคิด ความขัดแย้งของเนื้อเรื่อง หรือการเปรียบเทียบต่างๆ ที่จับต้องไม่ได้ให้สามารถจับต้องได้มากขึ้น การฝึกเล่าเรื่องจากตัวอย่างจึงเหมาะมากในการฝึกทักษะ Storytelling

ภาษากายคือสิ่งสำคัญ

เมื่อฝึกเทคนิค Storytelling ที่กล่าวไปครบถ้วนแล้ว สิ่งสุดท้ายที่สำคัญ คือ ภาษากาย เช่น การยืน การเดิน การนั่ง ตำแหน่งของมือ และสายตาที่แสดงถึงเจตนาของผู้พูด เพราะโดยทั่วไปแล้วมีสถิติว่า 55 เปอร์เซ็นต์ของคนส่วนใหญ่ มีการตัดสินผ่านทางภาษากาย 38 เปอร์เซ็นต์ ตัดสินจากน้ำเสียง และอีก 7 เปอร์เซ็นต์ ตัดสินจากคำพูด ดังนั้น การฝึกจัดระเบียบร่างกายของตัวเองเป็นประจำขณะเล่าเรื่อง เช่น การไม่ยืนหลังค่อม ไม่เอามือกอดอก หรือหลบตาผู้ฟังขณะพูด ก็จะช่วยให้การเล่าเรื่องมีความน่าสนใจ และดึงดูดผู้ฟังได้มากยิ่งขึ้น

ประโยชน์ของการเล่าเรื่อง Storytelling

ประโยชน์ของการเล่าเรื่อง Storytelling

การเล่าเรื่อง Storytelling เป็นทักษะที่สำคัญอย่างมากในปัจจุบัน เพราะช่วยให้การนำเสนอเรื่องราวมีประสิทธิภาพ มีคุณค่า มีความหมาย และช่วยจัดระเบียบความคิดขณะพูด อีกทั้งยังก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ อีกมากมาย ดังนี้

  • ช่วยให้เกิดการเรียบเรียง หรือเชื่อมโยงเรื่องราวในอดีต จนถึงปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และการคิดเป็นภาพรวม
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้พูด และผู้ฟัง เพราะการเล่าเรื่องราวอะไรบางอย่าง สามารถเชื่อมโยงอารมณ์ ความคิด และความรู้สึกของผู้คนผ่านการฟังอย่างกระตือรือร้นได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความเข้าใจกันและกันมากขึ้น

การเล่าเรื่อง Storytelling ช่วยให้ตัวเรา และคนรอบข้างเข้าใจโลกมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการเล่าเรื่องมีหลากหลายแง่มุม ทำให้เกิดการมองโลกที่กว้างขึ้น

สรุป

การเล่าเรื่อง (Storytelling) คือ การนำเสนอเรื่องราวผ่านการเล่าเรื่องที่มีคุณค่า มีความหมาย และมีความเชื่อมโยงกับอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของผู้ฟัง โดย Storytelling มักมีจุดประสงค์ที่แตกต่าง เช่น เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อการเรียนการสอน เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดี สร้างแรงบันดาลใจ หรือความสามัคคี พื้นฐานการเล่าเรื่องแบบ Story telling ช่วยให้เด็กๆ ได้ฝึกทักษะการเล่าเรื่องอย่างสร้างสรรค์ เกิดความคิดที่เป็นระบบ และช่วยเสริมสร้างความมั่นใจได้ ซึ่งการฝึกเล่าเรื่องที่ง่ายที่สุด คือ การฝึกเล่าเรื่องจากนิทานภาษาอังกฤษ หรือภาษาไทย แต่หากได้ฝึกเล่าเรื่องจากตัวอย่าง Storytelling ภาษาอังกฤษ ด้วยก็จะช่วยเสริมสร้างทักษะภาษาอังกฤษของเด็กๆ ไปในตัวได้


หากสนใจเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อเสริมสร้างทักษะการเล่าเรื่องให้กับเด็กๆ ทาง Speak Up Language Center ของเราช่วยได้ เพราะเราคือสถาบันการเรียนภาษาที่จะช่วยฝึกฝนพัฒนาการทางด้านภาษาของเด็กๆ ให้เป็นไปอย่างราบรื่น มีความสนุกสนาน และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการประยุกต์ใช้การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori) โดยครูผู้สอนมืออาชีพที่มีประสบการณ์ และเทคนิคเฉพาะในการสอนภาษาสำหรับเด็กเล็ก

11 นิทานภาษาจีนสอนใจ สำหรับเด็ก เรียนรู้ง่ายด้วยพินอิน พร้อมคำแปล

11 นิทานภาษาจีนสั้น สอนใจ สำหรับเด็ก เรียนรู้ง่ายด้วยพินอิน พร้อมคำแปล

การอ่านนิทานเป็นกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ มาพร้อมการเรียนรู้ที่พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถมีส่วนร่วมไปพร้อมกับลูกๆ แถมยังช่วยฝึกการอ่านและการฟังให้กับลูกๆ ได้ พร้อมทั้งยังมีข้อคิดดีๆ ที่แฝงอยู่ในนิทานแต่ละเรื่อง ช่วยปลูกฝังความคิดที่ดีให้กับลูกได้อีกด้วย นิทานสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับเด็กๆ ที่กำลังเรียนภาษาจีนอยู่ เปลี่ยนจากการอ่านนิทานภาษาไทยมาเป็นภาษาจีนแทน โดยมีนิทานภาษาจีนที่น่าสนใจมาพร้อมพินอิน คำแปล และข้อคิดดีๆ หลายเรื่องเช่นกันที่เรารวบรวมมาให้แล้วในบทความนี้

ข้อดีของการเล่านิทาน

ข้อดีของการเล่านิทาน

ก่อนที่จะไปอ่านนิทานที่เราเตรียมมาให้นั้น มาดูกันก่อนว่าการเล่านิทานนั้นมีประโยชน์อย่างไร นอกจากเป็นกิจกรรมที่สามารถใช้เวลาร่วมกันระหว่างพ่อแม่ลูก โดยเฉพาะการอ่านนิทานเป็นภาษาต่างประเทศ เช่น นิทานภาษาอังกฤษ นิทานภาษาจีน ก็ยังทำให้ได้เรียนรู้ภาษาอื่นเพิ่มเติม นอกจากนี้ก็ยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ อีก ดังนี้

  • ปลูกฝังให้เด็กเป็นคนช่างคิด ระหว่างที่กำลังฟังนิทาน หากตัวละครมีการกระทำอะไรก็ตามทั้งดีหรือไม่ดี การกระทำเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้เด็กเกิดความสงสัยได้ว่าทำไมตัวละครจึงทำแบบนั้น ทำให้เกิดการสังเกตและซักถาม เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองตอบคำถาม อาจจะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ทำให้เด็กมีความมั่นใจ ฉลาด กล้าแสดงความคิดเห็น เสริมสร้างความฉลาดทางปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)
  • ทำให้เด็กเรียนรู้ภาษาได้เร็วขึ้น การเล่านิทานถือเป็นการเรียนรู้ไปในตัวแบบไม่ต้องจริงจังมาก แค่พ่อแม่ผู้ปกครองเล่าให้ฟังเป็นประจำทุกวัน เด็กๆ ก็จะเกิดความเพลิดเพลินและสนุกสนาน สามารถซึมซับคำศัพท์หรือประโยคต่างๆ ได้โดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดทัศนคติที่ดีในการเรียนภาษาและสามารถเรียนรู้ภาษาได้เร็วขึ้น
  • ช่วยในการให้เด็กจับประเด็นและวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ นิทานหนึ่งเรื่องสามารถนำมาเล่าซ้ำได้หลายรอบ เมื่อฟังบ่อยก็จะจำเรื่องราวได้ ซึ่งแต่ละรอบจะทำให้เด็กๆ ได้ทำความเข้าใจเรื่องราวเพิ่มขึ้น สามารถจับประเด็นสำคัญที่นิทานจะสื่อหรือมองภาพรวมของนิทานได้โดยง่าย 
  • ทำให้เกิดจินตนาการ สำหรับนิทานที่ไม่มีภาพประกอบหรือมีภาพประกอบก็ตาม การที่พ่อแม่ผู้ปกครองเล่าด้วยน้ำเสียงที่เป็นไปตามอารมณ์หรือความรู้สึกของนิทาน จะทำให้เด็กๆ จินตนาการ มีภาพในหัวของตนเอง เกิดภาพใหม่ๆ จินตนาการใหม่ๆ ทุกครั้งที่ได้ฟังนิทาน
  • สร้างสมาธิให้แก่เด็ก หากนิทานนั้นมีความน่าสนใจและมีการถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจ ทำให้เด็กๆ เข้าถึงเรื่องราว มีอารมณ์ร่วมไปกับนิทานด้วย จะทำให้เด็กๆ จดจ่อกับนิทานนั้นได้ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นการช่วยส่งเสริมสมาธิใจตัวเด็กได้อย่างดี
minecraft coding skill

เลือกนิทานให้เหมาะกับช่วงวัยของเด็ก

ก่อนจะไปทำความรู้จักกับนิทานจีนพร้อมพินอินสนุกๆ ที่เรานำมาเสนอนั้น ยังมีอีกข้อหนึ่งที่สำคัญที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรคำนึงก่อนจะเริ่มหานิทานสักเรื่องมาเล่าให้กับลูกๆ ฟัง โดยควรเลือกนิทานให้เข้ากับแต่ละช่วงวัยของเด็กด้วย เพื่อให้นิทานนั้นสามารถส่งเสริมพัฒนาการด้านการเรียนรู้ให้กับลูกได้อย่างแท้จริง แบ่งตามช่วงอายุของเด็กแต่ละวันได้ ดังนี้

  • เด็กเล็กอายุ 0-3 ปี ในช่วงวัยนี้ยังมีพัฒนาการไม่มาก ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นการเรียนรู้ ตัวนิทานจึงไม่ควรเน้นเนื้อหาเยอะแต่ควรมาในรูปแบบของรูปภาพจะดีกว่า อาจจะมีคำบรรยายประกอบรู้สั้นๆ หรือกลอนเพื่อให้มีสัมผัสที่ฟังแล้วจดจำได้ง่ายเมื่อมองทั้งภาพและฟังเสียงไปด้วยกัน
  • เด็กอนุบาลอายุ 3-6 ปี วัยนี้เป็นวัยที่เติบโตขึ้นมาอีกระดับ เด็กๆ อาจจะพออ่านได้ พูดได้ จึงมีคำศัพท์ในหัวมากยิ่งขึ้น เนื้อหาในนิทานอาจจะเพิ่มขึ้นตามด้วยได้แต่ไม่ต้องซับซ้อน ยังคงเน้นนิทานที่มีรูปภาพไว้เช่นเดิม เพื่อให้เด็กจดจำเรื่องราวได้ดี 
  • เด็กประถมอายุ 6-9 ปี สำหรับวัยนี้ถือเป็นวัยที่โตขึ้นมากแล้ว จึงสามารถเล่านิทานที่มีเนื้อหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้นได้ เน้นไปในเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัย มีภาพประกอบได้ โดยเฉพาะภาพที่มีของซ่อนอยู่แล้วเนื้อหานิทานคือการให้ตามหาสิ่งของนั้นๆ ไปด้วย จะช่วยดึงดูดความสนใจระหว่างเล่านิทาน ทำให้เด็กๆ ได้รับความสนุกสนาน

เด็กประถมปลายอายุ 9-12 ปี เด็กวัยนี้มีการเรียนรู้ที่เพิ่มขึ้นมากๆ ถือว่าเป็นเด็กโต จึงสามารถนำนิทานที่มีตัวละครเยอะ ใช้คำศัพท์ยากๆ มาเล่าได้ ให้มีภาพประกอบที่สวยงามก็จะช่วยทำให้น่าติดตาม เนื้อหาอาจมีปมที่เมื่อฟังแล้วทำให้อยากรู้เรื่องราวไปเรื่อยๆ เพื่อลุ้นในการแก้ปัญหา จะทำให้เด็กได้ฝึกจับใจความระหว่างที่กำลังฟังนิทาน เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ได้

11 นิทานภาษาจีนสั้นสำหรับเด็ก เรียนรู้ง่ายด้วยพินอิน พร้อมคำแปล

มาดูนิทานภาษาจีนแบบสั้นๆ เพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กที่มาพร้อมพินอิน คำแปล เป็นนิทาน อีสปภาษาจีนที่มีข้อคิดที่น่าสนใจ เหมาะให้ลูกๆ ได้รับฟังแล้วคิดตามเรื่องราวต่างๆ ในนิทาน เสริมสร้างจินตนาการ และมีทักษะทางภาษาจีนเพิ่มขึ้นแบบง่ายๆ โดยนิทานเด็กภาษาจีนทั้ง 11 เรื่องนี้ จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย

1. ลิงตักพระจันทร์ (猴子捞月 - Hóuzi lāo yuè)

1. ลิงตักพระจันทร์ (猴子捞月 - Hóuzi lāo yuè)

เริ่มต้นกันที่นิทานภาษาจีนเรื่องแรกเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับลูกลิงตัวหนึ่ง ในยามค่ำคืนได้มองเห็นเงาของพระจันทร์ในบ่อน้ำ ด้วยความซื่อๆ ของมันกลับคิดว่าพระจันทร์ได้ตกลงมาจากฟ้าลงมาอยู่ในน้ำซะแล้ว เลยอยากตักพระจันทร์ขึ้นมา แต่เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไรต่อไป มารู้ไปพร้อมๆ กันเถอะ

 

คำจีน: 大森林里,一群猴子  正在树上开心地玩耍。

คำอ่านพินอิน: Dà sēnlín lǐ, yì qún hóuzi zhèngzài shù shàng kāixīn de wánshuǎ. 

คำแปล: ณ ป่าใหญ่ ลิงฝูงหนึ่ง กำลังเล่นอยู่บนต้นไม้อย่างมีความสุข

 

คำจีน: 有一只小猴子跑到井边喝水,突然看到井里有个圆圆的月亮。

คำอ่านพินอิน: Yǒu yì zhī xiǎo hóuzi pǎo dào jǐng biān hē shuǐ, túrán kàn dào jǐng lǐ yǒu gè yuán yuán de yuèliàng.

คำแปล: มีลิงตัวหนึ่งวิ่งไปดื่มน้ำที่ริมบ่อ บังเอิญมองเห็นในบ่อน้ำมีพระจันทร์ดวงกลมๆ อยู่

คำจีน:  小猴子边跑边喊:

คำอ่านพินอิน: Xiǎo hóuzi biān pǎo biān hǎn 

คำแปล: เจ้าลูกลิงวิ่งไปด้วย พลางร้องตะโกนไปด้วย

 

คำจีน: “月亮掉到井里去啦”

คำอ่านพินอิน: “Yuèliàng diào dào jǐng lǐ qù la”

คำแปล: “พระจันทร์ตกลงไปในบ่อน้ำแล้ว”

 

คำจีน: 其他猴子听了都跑来看。

คำอ่านพินอิน: Qítā hóuzi tīng le dōu pǎo lái kàn.

คำแปล: ลิงตัวอื่นได้ยินดังนั้น ต่างก็วิ่งมาดู

 

คำจีน: 一只老猴子建议大家一起把月亮捞上来。

คำอ่านพินอิน: Yì zhī lǎo hóuzi jiànyì dàjiā yìqǐ bǎ yuèliàng lāo shànglái. 

คำแปล: ลิงแก่ตัวหนึ่งเสนอความเห็นว่าให้ทุกตัวช่วยกันตักพระจันทร์ขึ้นมา

 

คำจีน: 于是,老猴子首先爬到 井边的老槐树上,

คำอ่านพินอิน: Yúshì, lǎo hóuzi shǒuxiān pá dào jǐng biān de lǎo huái shù shàng,

คำแปล: ทันใดนั้น เจ้าลิงแก่ก็เริ่มปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ที่ริมบ่อน้ำ

 

คำจีน: 两只脚钩住树枝,然后头朝下倒挂着。

คำอ่านพินอิน: liǎng zhī jiǎo gōu zhù shùzhī, ránhòu tóu cháo xià dàoguà zhe.

คำแปล:  ขาทั้งสองเกี่ยวเข้ากับกิ่งไม้ หลังจากนั้นก็เอาหัวห้อยลงมา

 

คำจีน: 老猴子用手抓住另一只猴子的脚。

คำอ่านพินอิน: Lǎo hóuzi yòng shǒu zhuā zhù lìng yì zhī hóuzi de jiǎo. 

คำแปล: เจ้าลิงแก่ใช้มือจับขาของลิงอีกตัวหนึ่ง

 

คำจีน: 这样一个接着一个倒挂着,一直垂到了井中。

คำอ่านพินอิน: Zhèyàng yí gè jiē zhe yí gè dàoguà zhe, yìzhí chuí dào le jǐngzhōng. 

คำแปล: ทำแบบนี้ ทีละตัว ทีละตัว ต่อกันไปเรื่อยๆ ห้อยต่อกันลงมาจนถึงกลางบ่อ

 

คำจีน:  小猴子挂在最下边。它把手伸到井水中去捞月亮。

คำอ่านพินอิน: Xiǎo hóuzi guà zài zuì xiàbian. Tā bǎ shǒu shēn dào jǐng shuǐ zhōng qù lāo yuèliàng.

คำแปล: ลูกลิงห้อยอยู่ด้านล่างสุด มันยื่นมือไปที่น้ำในบ่อเพื่อจะตักพระจันทร์

 

คำจีน: 可是,当它的手刚碰到水面时,月亮仿佛碎了一样。

คำอ่านพินอิน: Kěshì, dāng tā de shǒu gāng pèng dào shuǐmiàn shí,yuèliàng fǎngfú suì le yíyàng.

คำแปล:  แต่ว่า พอมือของมันโดนเข้ากับผิวน้ำ พระจันทร์ก็เหมือนจะแตกไปซะอย่างนั้น

 

คำจีน: “坏了,月亮被我抓破了”

คำอ่านพินอิน: “Huài le, yuèliàng bèi wǒ zhuā pò le”

คำแปล: “แย่แล้ว พระจันทร์โดนฉันจับแตกไปแล้ว”

 

คำจีน: 一会儿,井水平静了,

คำอ่านพินอิน: Yíhuǐ’er, jǐng shuǐ píngjìng le,

คำแปล:  ผ่านไปสักครู่ น้ำในบ่อสงบนิ่งลง

 

คำจีน: 小猴子高兴地喊:“月亮又圆了”。

คำอ่านพินอิน: xiǎo hóuzi gāoxìng de hǎn: “Yuèliàng yòu yuán le”.

คำแปล: ลูกลิงตะโกนอย่างดีใจว่า “พระจันทร์กลับมากลมอีกแล้ว”

 

คำจีน: 于是它又伸手去捞,却只捞到了一把水。

คำอ่านพินอิน: Yúshì tā yòu shēn shǒu qù lāo, què zhǐ lāo dào le yì bǎ shuǐ. 

คำแปล: ทันใดนั้น พอมันยื่นมือไปตักอีกครั้ง กลับตักมาได้แค่น้ำ 1 กำมือ

 

คำจีน: 这时,老猴子抬头一看,大声说:“月亮还好好地挂在天上呢!”

คำอ่านพินอิน: Zhè shí, lǎo hóuzi táitóu yí kàn, dàshēng shuō:“Yuèliàng hái hǎohǎo de guà zài tiān shàng ne!”

คำแปล: เวลานี้เอง ลิงแก่เงยหน้าขึ้น แล้วพูดขึ้นมาเสียงดังว่า “พระจันทร์ยังคงอยู่บนฟ้าอย่างดีนี่นา”

 

คำจีน: 大家抬头一看,月亮果然还在天上好好地挂着呢!

คำอ่านพินอิน: Dàjiā táitóu yí kàn, yuèliàng guǒrán hái zài tiān shàng hǎohǎo de guà zhe ne!

คำแปล: ทุกตัวเงยหน้าขึ้นมองบ้าง ปรากฏว่า พระจันทร์ยังคงอยู่บนฟ้าอย่างดีนี่เอง


ข้อคิดที่ได้: นิทานภาษาจีนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เมื่อเราจะทำอะไรสักอย่างควรมองถึงความเป็นจริงและมีความรอบคอบ จะได้ไม่เสียเวลาทำสิ่งนั้นไปโดยเปล่าประโยชน์ ดั่งกลุ่มฝูงลิงที่ไม่ทันมองให้ดีก่อนว่าพระจันทร์ที่เห็นนั้นเป็นเพียงเงา จึงคิดอยากตักขึ้นมาให้ได้ แต่ลืมมองบนฟ้าก่อนว่าพระจันทร์ก็ยังคงอยู่บนฟ้าเช่นเดิม ไม่มีทางตกลงในบ่อน้ำได้

2. หมีน้อยผู้ซื่อสัตย์ (善良的小熊 - Shànliáng de xiǎoxióng)

นิทานภาษาจีนเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับลูกหมีตัวหนึ่งที่แม่หมีวานให้ไปตัดต้นไม้มาเพื่อประโยชน์ของครอบครัวตน แต่ลูกหมีที่มีความแสนดีและซื่อสัตย์ต่อคนอื่นมากๆ กลับทำใจตัดไม่ลง ซึ่งลูกหมีซื่อสัตย์ต่อใคร อย่างไร ไปหาคำตอบได้ในนิทานเด็กภาษาจีนนี้กันเลย

 

คำจีน: 从前,小熊一家住在黑黑的山洞里。

คำอ่านพินอิน: Cóngqián, xiǎoxióng yì  jiā zhù zài hēi hēi de shāndòng li.

คำแปล: กาลครั้งหนึ่ง มีครอบครัวหมีอาศัยอยูในถ้ำมืดๆ แห่งหนึ่ง

 

คำจีน: 春天,熊妈妈想盖新房子,就叫小熊去砍些树回来。

คำอ่านพินอิน: Chūntiān, xióng māmā xiǎng gài xīn fángzi, jiù jiào xiǎoxióng qù kǎn xiē shù huí lái.

คำแปล: ในฤดูใบไม้ผลิ แม่หมีอยากสร้างบ้านหลังใหม่ จึงให้ลูกหมีไปตัดต้นไม้มา

 

คำจีน: 小熊来到树林,发现树上长满了绿叶,它舍不得砍。

คำอ่านพินอิน: Xiǎoxióng lái dào shùlín, fāxiàn shù shang zhǎng mǎn le lǜyè, tā shěbude kǎn.

คำแปล: ลูกหมีมาถึงในป่า พบว่าต้นไม้มีใบไม้สีเขียวปกคลุมเต็มไปหมด หมีน้อยลังเลที่จะตัด

 

คำจีน: 夏天,树上开满了美丽的花,小熊又舍不得砍。

คำอ่านพินอิน: Xiàtiān, shù shang kāi mǎn le měilì de huā, xiǎoxióng yòu shěbude kǎn. 

คำแปล: ในฤดูร้อน ต้นไม้เต็มไปด้วยดอกไม้แสนสวย หมีน้อยก็ทำใจตัดต้นไม้ไม่ได้อีก

 

คำจีน: 秋天,树上结满了果子,小熊还是舍不得砍。

คำอ่านพินอิน: Qiūtiān, shù shang jiē mǎn le guǒzi, xiǎoxióng hai shì shěbude kǎn. 

คำแปล: ในฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้ออกผลมาเต็มต้น หมีน้อยยังคงลังเลที่จะตัดเหมือนเดิม

 

คำจีน: 冬天,树上又有许多的鸟儿,小熊最终没有砍。

คำอ่านพินอิน: Dōngtiān, shù shang yòu yǒu xǔduō de niǎor, xiǎoxióng zuì zhōng méiyǒu kǎn. 

คำแปล: ในฤดูหนาว บนต้นไม้มีก็นกเกาะอยู่มากมายอีกแล้ว สุดท้าย หมีน้อยจึงไม่ได้ตัดต้นไม้

 

คำจีน: 小动物们为了感谢小熊,给它送来许多美丽的鲜花。

คำอ่านพินอิน: Xiǎo dòngwù men wèile gǎnxiè xiǎoxióng, gěi tā sòng lái xǔduō měilì de xiānhuā. 

คำแปล: เหล่าบรรดาสัตว์ เพื่อแสดงความขอบคุณหมีน้อย ได้ให้ดอกไม้แสนสวยกับหมีน้อยมากมาย


ข้อคิดที่ได้: นิทานภาษาจีนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การทำความดี มักได้สิ่งที่ดีตอบแทน เหมือนกับลูกหมีที่ทำใจไม่ตัดต้นไม้เพื่อให้นกและสัตว์อื่นๆ ได้มีบ้านไว้อยู่อาศัย เจ้าหมีน้อยจึงได้รับดอกไม้เป็นการตอบแทน เพราะถึงแม้ลูกหมีจะไม่ได้ตัดต้นไม้ไปสร้างบ้านให้กับครอบครัวตนเอง ก็ยังคงมีถ้ำไว้อยู่อาศัยอยู่ดี

3. จระเข้ถูกหลอก (鳄鱼上当 - Èyú shangdàng)

นิทานอีสปภาษาจีนเรื่องนี้เกี่ยวกับลูกจระเข้ตัวหนึ่งที่ต้องการนำหัวใจลิงไปให้กับแม่จระเข้ของตน แต่แล้วเจ้าลูกจระเข้กตัญญูตัวนี้กลับถูกลิงหลอกเสียได้ จะถูกหลอกแบบไหน แล้วสุดท้ายลูกจระเข้จะนำหัวใจไปให้กับแม่ได้หรือไม่ มาอ่านไปพร้อมกัน

 

คำจีน: 一天,鳄鱼妈妈带着小鳄鱼来到河边的椰树下捕食。

คำอ่านพินอิน: yì tiān, èyú māma dài zhe xiǎo èyú lái dào hé biān de yēshù xià bǔshí.

คำแปล: กาลครั้งหนึ่ง แม่จระเข้พาลูกจระเข้มาที่ใต้ต้นมะพร้าวที่ริมแม่น้ำเพื่อล่าเหยื่อ

 

คำจีน: 鳄鱼妈妈看着树上的猴子说:“听说猴子的心特别好吃!”

คำอ่านพินอิน: èyú māma kàn zhe shù shang de hóuzi shuō: “tīngshuō hóuzi de xīn tèbié hǎochī!”

คำแปล: แม่จระเข้มองดูลิงบนต้นไม้แล้วพูดว่า “ได้ยินมาว่าหัวใจของลิงนั้นอร่อยมากๆ!”

คำจีน: 第二天,小鳄鱼就来到树下对猴子说:“我带你去河边对岸吃桃子!” 

คำอ่านพินอิน: dì èr tiān, xiǎo èyú jiù lái dào shù xià duì hóuzi shuō: “wǒ dài nǐ qù hé biān duì’àn chī táozi!” 

คำแปล: วันต่อมา ลูกจระเข้มาใต้ต้นไม้แล้วพูดกับลิงว่า: “ฉันจะพาเธอไปกินลูกท้ออีกฝั่งของแม่น้ำ!”

 

คำจีน: 猴子经不住诱惑 逃到了鳄鱼的背上。鳄鱼驮着猴子忙向河中心游去。

คำอ่านพินอิน: hóuzi jīng bú zhù yòuhuò táo dào le èyú de bèi shang. èyú tuó zhe hóuzi máng xiàng hé zhōngxīn yóu qù.

คำแปล: ลิงทนกับสิ่งล่อใจไม่ไหว ขึ้นไปหลบอยู่บนหลังของจระเข้ จระเข้รีบว่ายไปที่กลางแม่น้ำพร้อมกับลิง

 

คำจีน: 忽然,小鳄鱼沉下水去,猴子吓得大叫:“怎么啦?”

คำอ่านพินอิน: hūrán, xiǎo èyú chén xià shuǐ qù, hóuzi xià de dà jiào:  “ zěnme la? ”

คำแปล: ทันใดนั้นเอง ลูกจระเข้ก็จมลงไปในน้ำ ลิงจึงร้องตะโกนด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้น”

 

คำจีน: 小鳄鱼张开大嘴巴说:“我妈妈想吃你的心!” 

คำอ่านพินอิน: xiǎo èyú zhāng kāi dà zuǐba shuō: “wǒ māma xiǎng chī nǐ de xīn!” 

คำแปล: ลูกจระเข้อ้าปากแล้วพูดว่า “แม่ของฉันอยากกินหัวใจของเจ้า!”

 

คำจีน: 猴子眼珠一转,对小鳄鱼说:“ 心我忘记带了,我们回去取吧!”

คำอ่านพินอิน: hóu zi yǎnzhū yí zhuàn, duì xiǎo èyú shuō: “xīn wǒ wàngjì dài le,  wǒmen huí qu qǔ ba!” 

คำแปล: ลิงกรอกตาไปมา แล้วพูดกับลูกจระเข้ว่า “ฉันลืมนำหัวใจมา พวกเรากลับไปเอากันเถอะ”

 

คำจีน: 小鳄鱼果真中计了。等一上岸,猴子便飞快地爬上树顶。

คำอ่านพินอิน: xiǎo èyú guǒzhēn zhòngjì le. děng yí shàng’àn, hóuzi biàn fēi kuài de pá shàng shù dǐng. 

คำแปล: ลูกจระเข้ตกหลุมพรางเข้าแล้วจริงๆ พอขึ้นฝั่งไปได้ ลิงก็รีบปีนขึ้นไปบนยอดไม้

 

คำจีน: 猴子摘下一个大椰子朝小鳄鱼头上砸去。小鳄鱼被砸得 “哇哇”大叫。

คำอ่านพินอิน: hóuzi zhāi xià yí gè dà yēzi cháo xiǎo èyú tóu shang zá qù. xiǎo èyú bèi zá de “wāwā” dà jiào.

คำแปล: ลิงเด็ดมะพร้าวลูกใหญ่ โยนใส่หัวลูกจระเข้ ลูกจระเข้ถูกมะพร้าวกระแทก ร้องตะโกน “โอ๊ยๆ”


ข้อคิดที่ได้: นิทานภาษาจีนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้ที่มีไหวพริบจะสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันได้ เฉกเช่นลิงที่ตอนแรกถูกลูกจระเข้หลอก จนเกือบต้องเสียหัวใจให้กับแม่จระเข้ แต่ลิงเองก็หลอกลูกจระเข้กลับ เลยเอาตัวรอดมาได้

4. เต่าอยากบิน (想飞的乌龟 - Xiǎng fēi de wūguī)

4. เต่าอยากบิน (想飞的乌龟 - Xiǎng fēi de wūguī)

คงรู้ดีอยู่แล้วว่าเต่าเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่ไม่มีปีก แต่ในนิทานอีสปภาษาจีนเรื่องนี้เกี่ยวกับเต่าตัวหนึ่งที่อยากโบยบินไปบนฟ้า แล้วเต่าที่มีกระดองหนักๆ ตัวนี้จะบินไปบนฟ้าได้สำเร็จตามใจหวังหรือเปล่า ลองไปติดตามเรื่องราวในนิทานภาษาจีนเรื่องนี้กัน

 

คำจีน: 一天,乌龟看见老鹰 在天上自由飞翔,心里很羡慕,也想飞上天 

คำอ่านพินอิน: Yìtiān, wūguī kànjiàn lǎoyīng zài tiān shàng zìyóu fēixiáng, xīn lǐ hěn xiànmù, yě xiǎng fēi shàngtiān. 

คำแปล:  วันหนึ่ง เจ้าเต่าเห็นนกอินทรี บินอย่างอิสระอยู่บนท้องฟ้า ในใจรู้สึกอิจฉามาก อยากบินไปบนท้องฟ้าด้วยเช่นกัน

 

คำจีน: 小伙伴们知道后 都劝他说:“我们没有翅膀,是不可能飞起来的”

คำอ่านพินอิน: Xiǎohuǒbàn men zhīdào hòu dōu quàn tā shuō: “Wǒmen méiyǒu chìbǎng, shì bù kěnéng fēi qǐ lái de” 

คำแปล: หลังจากที่เหล่าเพื่อนๆได้ทราบเรื่อง จึงพูดเตือนมันว่า “พวกเราไม่มีปีก ไม่สามารถบินขึ้นไปได้นะ”

 

คำจีน: 可乌龟听不进同伴们的话,仍然想飞上天。

คำอ่านพินอิน: Kě wūguī tīng bù jìn tóngbànmen de huà, réngrán xiǎng fēi shàngtiān. 

คำแปล: แต่เจ้าเต่าก็ไม่ฟังคำพูดของเพื่อนๆ เลย ยังคงอยากบินอยู่ดี

 

คำจีน: 这天,乌龟正好看见老鹰 又在天上飞,便大声喊:“鹰大哥,鹰大哥!” 

คำอ่านพินอิน:  Zhè tiān, wūguī zhènghǎo kànjiàn lǎoyīng yòu zài tiān shàng fēi, biàn dàshēng hǎn: “Yīng dà gē, yīng dà gē!” 

คำแปล: ในวันนี้ เจ้าเต่าได้เห็นนกอินทรีบินอยู่บนท้องฟ้าพอดี จึงตะโกนไปเสียงดังว่า “พี่นกอินทรี พี่นกอินทรี”

 

คำจีน: 听到喊声,老鹰飞下来 落在一块岩石上问:“你叫我有什么事呀?”

คำอ่านพินอิน: Tīng dào hǎn shēng, lǎoyīng fēi xià lái luò zài yí kuài yánshí shàng wèn: “Nǐ jiào wǒ yǒu shénme shì ya?”

คำแปล: เมื่อนกอินทรีได้ยินเสียงเรียก จึงบินลงมาที่โขดหินก้อนหนึ่ง แล้วถามว่าเธอเรียกฉัน มีเรื่องอะไรเหรอ”

 

คำจีน: 乌龟苦苦哀求老鹰教他飞翔,老鹰没有办法,只好同意了。

คำอ่านพินอิน: Wūguī kǔ kǔ āiqiú lǎoyīng jiāo tā fēixiáng, lǎoyīng méiyǒu bànfǎ, zhǐhǎo tóngyì le. 

คำแปล: เจ้าเต่าอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร ให้นกอินทรีสอนมันบิน นกอินทรีไม่มีทางเลือกจึงได้ตอบตกลงไป

 

คำจีน: 于是,老鹰用爪子 把乌龟抓起来,朝着空中飞去。

คำอ่านพินอิน: Yúshì, lǎoyīng yòng zhuǎzi bǎ wūguī zhuā qǐ lái, cháo zhe kōngzhōng fēi qù. 

คำแปล: ดังนั้น นกอินทรีได้ใช้กรงเล็บจับเจ้าเต่าขึ้นมา แล้วบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

คำจีน: 老鹰越飞越高,乌龟兴奋地叫起来: “我要自己飞!” 

คำอ่านพินอิน: Lǎoyīng yuè fēi yuè gāo, wūguī xīngfèn de jiào qǐ lái: “Wǒ yào zìjǐ fēi!” 

คำแปล:  ยิ่งนกอินทรีบินสูงขึ้น สูงขึ้น เจ้าเต่าจึงร้องออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “ฉันจะบินเอง”

 

คำจีน: 老鹰只好松开爪子,乌龟便直直地掉了下去,摔了一个四脚朝天。

คำอ่านพินอิน: Lǎoyīng zhǐhǎo sōng kāi zhuǎzi, wūguī biàn zhí zhí de diào le xià qù, shuāi le yí gè sì jiǎo cháo tiān. 

คำแปล: นกอินทรีจึงคลายกรงเล็บที่จับไว้ออก เจ้าเต่าจึงดิ่งตกลงไปด้านล่างทันที หงายท้อง ขาทั้ง 4 ชี้ขึ้นฟ้า

 

คำจีน: 老鹰赶紧飞到乌龟身边,问:“你没事吧?”

คำอ่านพินอิน: Lǎoyīng gǎnjǐn fēi dào wūguī shēnbiān, wèn:“Nǐ méi shì ba?” 

คำแปล: นกอินทรีรีบบินมาหาเจ้าเต่า ถามว่า “เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

 

คำจีน: 乌龟疼得咧着嘴说:“我没有翅膀却想飞,真是自作自受哇!” 

คำอ่านพินอิน: Wūguī téng dé liě zhe zuǐ shuō: “Wǒ méiyǒu chìbǎng què xiǎng fēi, zhēnshì zìzuòzìshòu wa!” 

คำแปล: เจ้าเต่าเจ็บจนเบ้ปาก พูดออกมาว่า “ฉันไม่มีปีกแต่กลับอยากบิน หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ เลย”


ข้อคิดที่ได้: นิทานภาษาจีนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่ควรทำอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เพราะอาจทำให้ตนเองเดือดร้อนได้ เช่นเดียวกับเจ้าเต่าที่อยากบินตามอย่างนกอินทรี ทั้งที่ตนเองไม่มีปีก สุดท้ายจึงตกลงมาบนพื้นต้องเจ็บตัว

5. เฝ้าตอไม้รอกระต่าย (守株待兔 - Shǒuzhū dài tù)

ใครที่อยากเงิน ได้ทอง ได้ของ หรือสิ่งต่างๆ มาเป็นของตนเอง ล้วนต้องทำงานกันทั้งนั้น แต่สำหรับชาวนาในนิทานภาษาจีนเรื่องนี้ เขายอมที่จะทิ้งไร่ ทิ้งนาที่ทำอยู่ทุกวัน เพียงเพราะมาเฝ้าตอไม้ หวังจะจับกระต่ายที่วิ่งมาชนกับตอไม้ จะได้ไม่ต้องออกแรงทำงาน แล้วสิ่งที่ชาวนาหวังไว้จะสมหวังหรือไม่ จะมีกระต่ายวิ่งมาชนตอไม้อีกหรือเปล่า ลองมาอ่านเรื่องราวในนิทานเด็กภาษาจีนนี้ไปพร้อมกัน

 

คำจีน: 从前,有一个农夫种着几亩地,每天到地里干活。

คำอ่านพินอิน: Cóngqián, yǒu yí gè nóngfū zhòng zhe jǐ mǔ dì, měitiān dào dì li gànhuó. 

คำแปล: กาลครั้งหนึ่ง มีชาวนาคนหนึ่งปลูกพืชไว้หลายไร่ ทุกวันเขาจะไปทำไร่ไถนาที่นั่น

 

คำจีน: 一天,一只兔子忽然飞奔过来,撞到枯树桩上死了。

คำอ่านพินอิน: Yì tiān, yì zhī  tùzi hūrán fēibēn guo lai, zhuàng dào kū shùzhuāng shang sǐ le. 

คำแปล: วันหนึ่ง มีกระต่ายตัวหนึ่งวิ่งพรวดออกมาชนเข้ากับตอไม้แห้ง จนตายในที่สุด

 

คำจีน: 农夫高兴地捡起兔子。回去美美地吃了一顿。

คำอ่านพินอิน: Nóngfū gāoxìng de jiǎn qǐ tùzi. huí qù měiměi de chī le yí dùn. 

คำแปล: ชาวนาอุ้มกระต่ายขึ้นมาอย่างมีความสุข กลับบ้านไปกินข้าวอีกมื้อที่แสนอร่อย

 

คำจีน: 第二天,农夫来到树桩前,心想:“ 说不定今天 还会有兔子跑来撞死的,可不能放过这样的便宜。”

คำอ่านพินอิน: dì èr tiān, nóngfū lái dào shùzhuāng qián, xīn xiǎng: “Shuō bu dìng jīntiān hái huì yǒu tùzi pǎo lái zhuàng sǐ de,  kě bù néng fàngguò zhèyàng de piányi.” 

คำแปล: วันต่อมา ชาวนามายังหน้าตอไม้ คิดในใจว่า “ไม่แน่วันนี้อาจมีกระต่ายวิ่งมาชนตอไม้ตายอีกก็ได้ โอกาสดีๆ พลาดไม่ได้แล้ว”

 

คำจีน: 于是,农夫不下地干活了,就专门躺在枯树桩边等兔子。

คำอ่านพินอิน: Yúshì, nóngfū bú xià dì gànhuó le, jiù zhuānmén tǎng zài kū shùzhuāng biān děng tùzi. 

คำแปล: ดังนั้นชาวนาจึงไม่ไปทำไร่ ไถนาแล้ว มัวแต่นั่งรอให้มีกระต่ายวิ่งมาชนตอไม้อีก

 

คำจีน: 可是,等了一天什么都没有等到。农夫很不甘心,还是决定坚持等。

คำอ่านพินอิน: Kěshì, děng le yì tiān shénme dōu méiyǒu děng dào. nóngfū hěn bù gānxīn, háishi juédìng jiānchí děng. 

คำแปล: แต่ว่ารอมาทั้งวันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชาวนาไม่ยอมแพ้ ยืนยันที่จะรอต่อไป

 

คำจีน: 一天天过去了,地里的野草长得比庄稼都高了, 农夫也没见到兔子。

คำอ่านพินอิน: Yì tiāntiān guòqù le, dì li de yěcǎo zhǎng de bǐ zhuāngjia dōu gāo le, nóngfū yě méi jiàn dào tùzi. 

คำแปล: ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ที่ดินของเขากลับมีหญ้าขึ้นสูงกว่าพืชผลซะแล้ว ชาวนาก็ยังคงไม่เห็นกระต่ายอยู่ดี


ข้อคิดที่ได้: นิทานภาษาจีนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ หรือได้มาฟรีๆ อย่างกระต่ายที่ชาวนาได้ไปทำมื้ออาหารที่เขาคิดว่าได้มาฟรีๆ ก็ยังเป็นกระต่ายที่ชนตอไม้ก่อนแล้วถึงตาย รวมถึงการที่ชาวนาคาดหวังให้มีกระต่ายวิ่งมาชนตอไม้โดยไม่ทำอะไรเลย สุดท้ายไม่มีกระต่ายมาสักตัว ชาวนาอาจจะคิดว่าตนเองแค่มานั่งรอ แต่เขาก็เสียเวลาไปเช่นกัน แถมยังไม่ได้เอาเวลาไปทำไร่ ไถนาแบบที่ควรจะทำอีกด้วย

6. ถนนที่สวยงาม (美丽的小路 - Měilì de xiǎolù)

สำหรับนิทานภาษาจีนเรื่องนี้เกี่ยวกับถนนเส้นหนึ่งที่มีความสวยงาม เพราะมีแต่ความสะอาดสะอ้าน แต่แล้ววันหนึ่งกลับถูกปล่อยปละละเลย ความสวยงามที่มีจึงหายไป หากอยากรู้ว่าถนนเส้นนี้จะกลับมาสวยงามได้เหมือนเดิมไหม ไปอ่านนิทานเด็กภาษาจีนเรื่องนี้ด้วยกันเลย

 

คำจีน: 森林里有一条美丽的小路 ,大家都喜欢到那里散步。

คำอ่านพินอิน: Sēnlín li yǒu yì tiáo měilì de xiǎolù, dàjiā dōu xǐhuan dào nàli sànbù. 

คำแปล: ในป่ามีถนนที่สวยงามอยู่เส้นหนึ่ง ทุกคนชอบไปเดินเล่นที่นั่น

 

คำจีน: 可是,有一天 小路突然变得不美了。

คำอ่านพินอิน: Kěshì, yǒu yì tiān xiǎolù tūrán biàn de bù měi le. 

คำแปล: แต่อยู่มาวันหนึ่ง ถนนเส้นนี้กลับไม่สวยงามเหมือนเดิมแล้ว

 

คำจีน: 原来,小猴把垃圾 倒在了小路上。

คำอ่านพินอิน: Yuánlái, xiǎo hóu bǎ lājī dào zài le xiǎolù shang. 

คำแปล: ปรากฏว่าเป็นเจ้าลิงน้อยนั่นเองเอาขยะเทลงบนถนน

 

คำจีน: 这时,大家都指责小猴 不爱护环境。

คำอ่านพินอิน: Zhè shí, dàjiā dōu zhǐzé xiǎo hóu bú àihù huánjìng. 

คำแปล: ในเวลานั้นเอง ทุกคนต่างตำหนิเจ้าลิงน้อยที่ไม่ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม




คำจีน: 小猴很惭愧,连忙拿来扫帚打扫。

คำอ่านพินอิน: Xiǎo hóu hěn cánkuì, liánmáng ná lái sàozhǒu dǎsǎo. 

คำแปล: เจ้าลิงน้อยรู้สึกละอายใจมาก รีบนำไม้กวาดมาทำความสะอาดทันที

 

คำจีน: 小熊和小兔也来帮忙,拿着洒水壶给小路洒水。

คำอ่านพินอิน: Xiǎo xióng hé xiǎo tù yě lái bāngmáng, ná zhe sǎshuǐhú gěi xiǎolù sǎ shuǐ. 

คำแปล: หมีน้อยและกระต่ายน้อยก็มาช่วยกันใช้บัวรดน้ำราดน้ำลงบนถนน

 

คำจีน: 不一会儿,小路又变得干净了。

คำอ่านพินอิน: Bù yí huìr, xiǎolù yòu biàn de gānjìng le. 

คำแปล: หลังจากนั้นไม่นานถนนก็กลับมาสะอาดอีกครั้ง

 

คำจีน: 小伙伴们在小路上跑哇,跳哇,大家开心极了!

คำอ่านพินอิน: Xiǎohuǒbàn men zài xiǎo lùshang pǎo wa, tiào wa, dàjiā kāixīn jí le! 

คำแปล: เพื่อนๆ ต่างพากันมาวิ่งเล่น มากระโดดที่ถนนสายนี้ ทุกคนมีความสุขมาก


ข้อคิดที่ได้: นิทานภาษาจีนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ควรดูแลสิ่งของหรือสถานที่สาธารณะเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แบบที่เจ้าลิงตอนแรกทิ้งขยะลงไปบนถนนโดยลืมไปว่าถนนเส้นนี้เป็นของทุกคน เมื่อเจ้าลิงคิดได้จึงทำความสะอาดเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ทุกคนก็ได้มีถนนที่สวย สะอาด ใช้เส้นทางนี้ร่วมกัน

6. ถนนที่สวยงาม (美丽的小路 - Měilì de xiǎolù)

สำหรับนิทานภาษาจีนเรื่องนี้เกี่ยวกับถนนเส้นหนึ่งที่มีความสวยงาม เพราะมีแต่ความสะอาดสะอ้าน แต่แล้ววันหนึ่งกลับถูกปล่อยปละละเลย ความสวยงามที่มีจึงหายไป หากอยากรู้ว่าถนนเส้นนี้จะกลับมาสวยงามได้เหมือนเดิมไหม ไปอ่านนิทานเด็กภาษาจีนเรื่องนี้ด้วยกันเลย

 

คำจีน: 森林里有一条美丽的小路 ,大家都喜欢到那里散步。

คำอ่านพินอิน: Sēnlín li yǒu yì tiáo měilì de xiǎolù, dàjiā dōu xǐhuan dào nàli sànbù. 

คำแปล: ในป่ามีถนนที่สวยงามอยู่เส้นหนึ่ง ทุกคนชอบไปเดินเล่นที่นั่น

 

คำจีน: 可是,有一天 小路突然变得不美了。

คำอ่านพินอิน: Kěshì, yǒu yì tiān xiǎolù tūrán biàn de bù měi le. 

คำแปล: แต่อยู่มาวันหนึ่ง ถนนเส้นนี้กลับไม่สวยงามเหมือนเดิมแล้ว

 

คำจีน: 原来,小猴把垃圾 倒在了小路上。

คำอ่านพินอิน: Yuánlái, xiǎo hóu bǎ lājī dào zài le xiǎolù shang. 

คำแปล: ปรากฏว่าเป็นเจ้าลิงน้อยนั่นเองเอาขยะเทลงบนถนน

 

คำจีน: 这时,大家都指责小猴 不爱护环境。

คำอ่านพินอิน: Zhè shí, dàjiā dōu zhǐzé xiǎo hóu bú àihù huánjìng. 

คำแปล: ในเวลานั้นเอง ทุกคนต่างตำหนิเจ้าลิงน้อยที่ไม่ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม




คำจีน: 小猴很惭愧,连忙拿来扫帚打扫。

คำอ่านพินอิน: Xiǎo hóu hěn cánkuì, liánmáng ná lái sàozhǒu dǎsǎo. 

คำแปล: เจ้าลิงน้อยรู้สึกละอายใจมาก รีบนำไม้กวาดมาทำความสะอาดทันที

 

คำจีน: 小熊和小兔也来帮忙,拿着洒水壶给小路洒水。

คำอ่านพินอิน: Xiǎo xióng hé xiǎo tù yě lái bāngmáng, ná zhe sǎshuǐhú gěi xiǎolù sǎ shuǐ. 

คำแปล: หมีน้อยและกระต่ายน้อยก็มาช่วยกันใช้บัวรดน้ำราดน้ำลงบนถนน

 

คำจีน: 不一会儿,小路又变得干净了。

คำอ่านพินอิน: Bù yí huìr, xiǎolù yòu biàn de gānjìng le. 

คำแปล: หลังจากนั้นไม่นานถนนก็กลับมาสะอาดอีกครั้ง

 

คำจีน: 小伙伴们在小路上跑哇,跳哇,大家开心极了!

คำอ่านพินอิน: Xiǎohuǒbàn men zài xiǎo lùshang pǎo wa, tiào wa, dàjiā kāixīn jí le! 

คำแปล: เพื่อนๆ ต่างพากันมาวิ่งเล่น มากระโดดที่ถนนสายนี้ ทุกคนมีความสุขมาก


ข้อคิดที่ได้: นิทานภาษาจีนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ควรดูแลสิ่งของหรือสถานที่สาธารณะเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แบบที่เจ้าลิงตอนแรกทิ้งขยะลงไปบนถนนโดยลืมไปว่าถนนเส้นนี้เป็นของทุกคน เมื่อเจ้าลิงคิดได้จึงทำความสะอาดเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ทุกคนก็ได้มีถนนที่สวย สะอาด ใช้เส้นทางนี้ร่วมกัน

เพนกวินน้อยแสนฉลาด (聪明的小企鹅 - Cōngmíng de xiǎo qǐ'é)

7. เพนกวินน้อยแสนฉลาด (聪明的小企鹅 - Cōngmíng de xiǎo qǐ'é)

นิทานอีสปภาษาจีนเรื่องนี้เกี่ยวกับครอบครัวเพนกวินที่ไม่มีน้ำไว้ใช้อาบ เพนกวินน้อยที่อยากอาบน้ำจึงคิดหาวิธีเพื่อให้ที่บ้านของเขาได้มีน้ำไว้ใช้อาบน้ำด้วยความชาญฉลาด อยากรู้ไหมว่าเจ้าเพนกวินหาน้ำมาได้ยังไง ไปติดตามความฉลาดของเพนกวินน้อยในนิทานภาษาจีนนี้กัน

 

คำจีน: 小企鹅放学回家后,把书包一丢,喊道:“  妈妈,我要洗澡!” 

คำอ่านพินอิน: xiǎo qǐ ‘é fàngxué huí jiā hòu, bǎ shūbāo yì diū, hǎn dào: “māma, wǒ yào xǐzǎo!” 

คำแปล: หลังจากเจ้าเพนกวินน้อยเลิกเรียนแล้วกลับบ้าน โยนกระเป๋านักเรียน แล้วตะโกนว่า “คุณแม่ ลูกอยากอาบน้ำ”

 

คำจีน: 企鹅妈妈说:“家里没水,明天再洗吧!” “ 可是我浑身是汗,难受死了!” 

คำอ่านพินอิน: qǐ ‘é māma shuō: “jiā li méi shuǐ, míngtiān zài xǐ ba!” “kěshì wǒ húnshēn shì hàn, nánshòu sǐ le!” 

คำแปล: แม่เพนกวินพูดว่า “ที่บ้านไม่มีน้ำ ค่อยอาบน้ำพรุ่งนี้นะ” “แต่ตัวลูกเต็มไปด้วยเหงื่อ รู้สึกไม่สบายตัวมากเลย”

 

คำจีน: 企鹅妈妈看着窗外飞舞的雪花,无可奈何地说:“ 这么大的雪,我实在是没办法”。

คำอ่านพินอิน: qǐ ‘é māma kàn zhe chuāngwài fēiwǔ de xuěhuā, wúkě nàihé de shuō: “zhème dà de xuě, wǒ shízài shì méi bànfǎ”. 

คำแปล: แม่เพนกวินมองดูหิมะที่ตกโปรยปรายอยู่นอกหน้าต่าง แล้วพูดออกมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง “หิมะตกหนักขนาดนี้ แม่ช่วยไม่ได้จริง ๆ”

 

คำจีน: 小企鹅决定自己想办法,他推开房门,冷不丁打了个寒颤。

คำอ่านพินอิน: xiǎo qǐ ‘é juédìng zìjǐ xiǎng bànfǎ, tā tuī kāi fáng mén, lěng bu dīng dǎ le gè hánzhàn. 

คำแปล: เพนกวินน้อยตัดสินใจหาวิธีด้วยตัวเอง เขาเปิดประตูบ้านออกแล้วก็ต้องตัวสั่นในทันที

 

คำจีน: “雪?水!有办法了!” 小企鹅找了个水桶,装了满满一桶雪 拎了回来放在火炉边。

คำอ่านพินอิน: “xuě? shuǐ! yǒu bànfǎ le!” xiǎo qǐ ‘é zhǎo le gè shuǐtǒng, zhuāng le mǎn mǎn yì tǒng xuě līn le huílái fàng zài huǒlú biān. 

คำแปล: “หิมะเหรอ  น้ำ! มีวิธีแล้ว!” เพนกวินน้อยหาถังน้ำมาใส่หิมะเต็มถัง หิ้วกลับมาวางไว้ข้างเตาไฟ

 

คำจีน: 不一会儿,水桶里的雪全部化成了水。小企鹅终于美美地洗了个澡。

คำอ่านพินอิน: bù yí huìr, shuǐtǒng li de xuě quánbù huàchéng le shuǐ. xiǎo qǐ ‘é zhōngyú měiměi de xǐ le gè zǎo. 

คำแปล: หลังจากนั้นไม่นาน หิมะทั้งหมดในถังก็ละลายกลายเป็นน้ำแล้ว ในที่สุดเพนกวินน้อยก็ได้อาบน้ำอย่างมีความสุข


ข้อคิดที่ได้: นิทานภาษาจีนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การนำความรู้มาใช้อย่างฉลาด จะทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ อย่างที่เพนกวินน้อยอยากอาบน้ำแต่ที่บ้านไม่มีน้ำ จึงนำหิมะมาวางใกล้กับเตาไฟเพื่อให้ละลายกลายมาเป็นน้ำ

8. ถอนหัวผักกาด (拔萝卜 - Bá luóbo)

นิทานภาษาจีนเรื่องนี้เกี่ยวกับคุณปู่คนหนึ่งที่ปลูกหัวผักกาดเอาไว้จนมีขนาดใหญ่ เมื่อถึงเวลาถอนกลับถอนยากมาก จนต้องเรียกให้คุณย่าและคนอื่นๆ มาช่วยกันถอนออก สุดท้ายแล้วหัวผักกาดขนาดใหญ่นี้จะถูกถอนได้หรือไม่ มาอ่านนิทานเด็กภาษาจีนเรื่องนี้ได้เลย

 

คำจีน: 老爷爷在地里种了棵萝卜,每天都给它浇水施肥。

คำอ่านพินอิน: lǎo yéye zài dì li zhòng le kē luóbo, měitiān dōu gěi tā jiāo shuǐ shīféi.

คำแปล: คุณปู่ปลูกหัวผักกาดไว้ในสวน เขาจะรดน้ำใส่ปุ๋ยให้หัวผักกาดทุกวัน 

 

คำจีน: 两个月过后,萝卜长得又大又结实。

คำอ่านพินอิน: liǎng gè yuè guòhòu, luóbo zhǎng de yòu dà yòu jiēshi. 

คำแปล: สองเดือนผ่านไป หัวผักกาดทั้งใหญ่และแข็งแรงมาก

 

คำจีน: 老爷爷高兴地去拔萝卜,可萝卜太大,怎么也拔不出来,老爷爷便叫奶奶来。

คำอ่านพินอิน: lǎo yéye gāoxìng de qù bá luóbo, kě luóbo tài dà, zěnme yě bá bù chūlái, lǎo yéye biàn jiào nǎinai lái. 

คำแปล: คุณปู่เดินไปถอนหัวผักกาดอย่างมีความสุข แต่หัวผักกาดมีขนาดใหญ่เกินไป ดึงยังไงก็ดึงไม่ออก คุณปู่จึงไปเรียกคุณย่ามา

 

คำจีน: 老爷爷、老奶奶一起拔萝卜。 “嗨哟,嗨哟!” 萝卜还是拔不出来。他们便叫小孙女一起拔萝卜。

คำอ่านพินอิน: lǎo yéye, lǎo nǎinai yìqǐ bá luóbo. “hāi yō, hāi yō!” luóbo háishi bá bù chūlái. tāmen biàn jiào xiǎo sūnnǚ yìqǐ bá luóbo. 

คำแปล: คุณปู่และคุณย่าช่วยกันดึงหัวผักกาด “ฮุยเลฮุย ฮุยเลฮุย” หัวผักกาดก็ยังดึงไม่ออก พวกเขาจึงเรียกหลานสาวตัวน้อยให้มาช่วยกันดึงหัวผักกาด

 

คำจีน: 三个人一起拔萝卜,可大萝卜还是拔不出来。小孙女赶紧叫小花狗来。拔呀拔,大萝卜还是拔不出来。

คำอ่านพินอิน: sān gè rén yìqǐ bá luóbo, kě dà luóbo háishi bá bù chūlái. Xiǎo sūnnǚ gǎnjǐn jiào xiǎo huāgǒu lái. bá ya bá, dà luóbo háishi bá bù chūlái. 

คำแปล: ทั้งสามคนช่วยกันดึงหัวผักกาดแต่หัวผักกาดยยักษ์ก็ยังดึงไม่ออก หลานสาวตัวน้อยจึงรีบเรียกเจ้าด่างมา ดึงแล้วดึงเล่า หัวผักกาดยักษ์ก็ยังคงดึงไม่ออก

 

คำจีน: 小花狗急了,忙大声喊道:“小猫,快来帮忙拔萝卜呀!” 

คำอ่านพินอิน: xiǎo huāgǒu jí le, máng dàshēng hǎndào: “Xiǎo māo, kuài lái bāngmáng bá luóbo ya!” 

คำแปล: เจ้าด่างรู้สึกร้อนใจ รีบตะโกนเสียงดัง “แมวน้อย รีบมาช่วยดึงหัวผักกาดหน่อย”

 

คำจีน: 听到呼喊,小猫又喊来 小老鼠一起拔萝卜。

คำอ่านพินอิน: tīng dào hūhǎn, xiǎomāo yòu hǎn lái xiǎo lǎoshǔ yìqǐ bá luóbo. 

คำแปล: เมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียก แมวน้อยก็ตะโกนเรียกต่อ ให้เจ้าหนูตัวน้อยมาช่วยดึงหัวผักกาดกัน

 

คำจีน: 大家一起拔萝卜,“嗨哟,嗨哟!” 一起使劲,大萝卜终于拔了出来!他们高高兴兴地把大萝卜抬回家了。

คำอ่านพินอิน: dàjiā yìqǐ bá luóbo, “hāi yō, hāi yō!” yìqǐ shǐjìn, dà luóbo zhōngyú bá le chūlái! Tāmen gāo gāo xìng xìng de bǎ dà luóbo tái huí jiā le. 

คำแปล: ทุกคนช่วยกันดึงหัวผักกาด “ฮุยเลฮุย ฮุยเลฮุย” ออกแรงร่วมกัน ในที่สุดก็ดึงหัวผักกาดออกมาได้ พวกเขาแบกหัวผักกาดกลับบ้านไปอย่างมีความสุข


ข้อคิดที่ได้: นิทานภาษาจีนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สามัคคีคือพลัง จากที่คุณปู่ดึงหัวผักกาดขนาดใหญ่คนเดียวไม่ออก ต้องให้คุณย่ามาช่วยดึง ดึงยังไงก็ยังไม่ออก จนต้องใช้แรงเจ้าด่าง แมวน้อย หนูตัวน้อยมาช่วยด้วยอีกแรง เป็นการรวมพลังของมนุษย์และสัตว์ จึงดึงหัวผักกาดออกมาได้สำเร็จ

9. สุนัขจิ้งจอกกับอีกา (狐狸和乌鸦 - Húlí hé wūyā)

มาถึงนิทานภาษาจีนเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับสุนัขจิ้งจอกกับอีกา จุดเริ่มต้นเกิดจากความเจ้าเล่ห์ของสุนัขจิ้งจอกที่อยากได้เนื้อมาจากอีกา มันจึงทำการหลอกล่อ ส่วนเรื่องราวที่เหลือจะเป็นอย่างไร ต้องไปลองอ่านนิทานอีสปภาษาจีนนี้พร้อมกันเลย

 

คำจีน: 森林里有一颗大树,树上住着一只乌鸦。

คำอ่านพินอิน: Sēnlín li yǒu yì kē dà shù, shù shàng zhù zhe yì zhī wūyā.

คำแปล: ในป่าแห่งหนึ่งมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง บนต้นไม้มีอีกา 1 ตัวอาศัยอยู่

 

คำจีน: 树下有一个洞,洞里住着一只狡猾的狐狸。

คำอ่านพินอิน: Shù xià yǒu yí gè dòng, dòng lǐ zhù zhe yì zhī jiǎohuá de húlí. 

คำแปล: ใต้ต้นไม้มีโพรงอยู่โพรงหนึ่ง ในโพรงมีสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อาศัยอยู่

 

คำจีน: 一天,乌鸦叼来一块肉,站在树上休息,被狐狸看到了。

คำอ่านพินอิน: Yì tiān, wūyā diāo lái yí kuài ròu, zhàn zài shù shàng xiūxi, bèi húlí kàn dào le. 

คำแปล: วันหนึ่ง อีกาคาบเนื้อมาได้ 1 ชิ้น ยืนพักผ่อนอยู่บนต้นไม้ สุนัขจิ้งจอกเห็นเข้า

 

คำจีน: 狐狸太想吃 乌鸦嘴里的那块肉了,馋得直流口水。

คำอ่านพินอิน: Húlí tài xiǎng chī wūyā zuǐ lǐ de nà kuài ròu le, chán dé zhíliú kǒushuǐ. 

คำแปล: สุนัขจิ้งจอกเกิดอยากกิน ชิ้นเนื้อที่อีกาคาบอยู่ในปากอย่างมาก อยากกินเสียจนน้ำลายไหล

 

คำจีน: 狐狸眼睛转了一下, 笑着和乌鸦打招呼说:“亲爱的乌鸦,您好吗?” 乌鸦根本就不理会狐狸。

คำอ่านพินอิน: Húlí yǎnjīng zhuǎn le yíxià, xiào zhe hé wūyā dǎzhāohu shuō: “Qīn’ài de wūyā, nín hǎo ma?” Wūyā gēnběn jiù bù lǐhuì húlí. 

คำแปล: ดวงตาของสุนัขจิ้งจอกมองไปรอบๆแล้วก็ยิ้มทักทายกับอีกาว่า “อีกาที่รัก คุณสบายดีไหม” อีกาไม่ได้คิดที่จะสนใจสุนัขจิ้งจอกเลย

 

คำจีน: 狐狸又说:“您的孩子好吗?” 乌鸦也没有回答。

คำอ่านพินอิน: Húlí yòu shuō: “Nín de háizi hǎo ma?” Wūyā yě méiyǒu huídá. 

คำแปล: สุนัขจิ้งจอกจึงพูดขึ้นมาอีกว่า “ลูกของคุณสบายดีไหม” อีกาก็ไม่ได้ตอบใดใด

 

คำจีน: 狐狸见乌鸦不理他,又细声夸奖道:“亲爱的乌鸦,您的羽毛真漂亮” 

คำอ่านพินอิน: Húlí jiàn wūyā bù lǐ tā, yòu xì shēng kuājiǎng dào: “Qīn’ài de wūyā, nín de yǔmáo zhēn piàoliang” 

คำแปล: สุนัขจิ้งจอกเห็นว่าอีกาไม่สนใจมัน ก็พูดเสียงนุ่มนวลขึ้นด้วยว่า “อีกาที่รัก ขนของคุณช่างสวยงามจริงๆ”

 

คำจีน: 乌鸦听到狐狸的赞美,骄傲地翘起了尾巴。

คำอ่านพินอิน: Wūyā tīng dào húlí de zànměi, jiāo’ào de qiào qǐ le wěibā. 

คำแปล: อีกาได้ยินที่สุนัขจิ้งจอกชื่นชมในความงามก็กระดกหางขึ้นมาอย่างมั่นใจ

คำจีน: 狐狸接着又夸奖道:“您的声音一定很甜美, 谁都爱听您唱歌。” 

คำอ่านพินอิน: Húlí jiē zhe yòu kuājiǎng dào: “Nín de shēngyīn yídìng hěn tiánměi, shéi dōu ài tīng nín chànggē.” 

คำแปล: สุนัขจิ้งจอกจึงชมต่ออีกว่า “เสียงของคุณต้องหวาน ไพเราะแน่นอน ทุกคนต่างอยากฟังคุณร้องเพลง”

 

คำจีน: 乌鸦听了,想急于表现 自己那甜美的声音。于是她“哇”地大叫起来。

คำอ่านพินอิน: Wūyā ting le, xiǎng jíyú biǎoxiàn zìjǐ nà tiánměi de shēngyīn. Yúshì tā “wa” de dà jiào qǐlái. 

คำแปล: อีกาเมื่อได้ยิน ก็อยากจะรีบโชว์เสียงอันไพเราะของตนเอง ทันใดนั้น มันก็ร้อง “ก้า” ด้วยเสียงดังขึ้นมา

 

คำจีน: 乌鸦一张嘴,肉就掉了下去,狐狸叼起肉得意地走了。乌鸦这才明白上了狐狸的当了。

คำอ่านพินอิน: Wūyā yì zhāngzuǐ, ròu jiù diào le xiàqù, húlí diāo qǐ ròu déyì de zǒu le. Wūyā zhè cái míngbái shàng le húlí de dàng le. 

คำแปล: พออีกาอ้าปากขึ้น ชิ้นเนื้อร่วงหล่นลงไปข้างล่าง เจ้าสุนัขจิ้งจอกก็คาบเนื้อเดินจากไปอย่างชอบอกชอบใจ ในตอนนี้เองที่อีกาเพิ่งจะเข้าใจกลอุบายของสุนัขจิ้งจอก


ข้อคิดที่ได้: นิทานภาษาจีนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไว้ใจใครง่ายๆ เพราะการที่เราไว้ใจใครง่ายๆ จะทำให้เราถูกหลอกได้ แบบที่อีกาฟังคำชมจากสุนัขจิ้งจอกจึงหลงกลไปตามแผนเจ้าเล่ห์โดยไม่รู้ตัว

10. ยืมแล้วต้องคืน (有借有还 - Yǒu jiè yǒu huán)

นิทานอีสปภาษาจีนเรื่องนี้เกี่ยวกับลูกลิงตัวหนึ่งที่ไปยืมหนังสือมาจากกระต่าย แต่แล้วลูกลิงก็ไม่ยอมคืน กระต่ายจึงยืมนำจักรยานของลูกลิงบ้างแล้วนำไปซ่อน ไม่ให้เจอ ผลสุดท้ายแล้วกระต่ายจะได้หนังสือคืนไหม แล้วลูกลิงจะหาจักรยานเจอหรือเปล่า มาอ่านนิทานภาษาจีนเรื่องนี้ไปด้วยกันเถอะ

 

คำจีน: 小猴子在兔姐姐那里 借了一本童话书。觉得太好看了,就一直不想还。

คำอ่านพินอิน: Xiǎo hóuzi zài tù jiějiě nàlǐ  jiè le yī běn tónghuà shū. Juédé tài hǎokàn le, jiù yīzhí bùxiǎng huán.  

คำแปล: ลูกลิงยืมนิทานของพี่กระต่ายมา 1 เล่ม  รู้สึกว่านิทานเรื่องนี้สนุกมากก็เลยไม่คิดจะคืนแล้ว

 

คำจีน: 兔姐姐没办法,便把小猴的自行车借走。也不打算归还。

คำอ่านพินอิน: Tù jiějiě méi bànfǎ,  biàn bǎ xiǎo hóu de zìxíngchē jiè zǒu.  Yě bù dǎsuàn guīhuán.  

คำแปล: พี่กระต่ายไม่รู้จะทำยังไงดี จึงยืมจักรยานของลูกลิงไปและก็ไม่คิดจะคืนเช่นกัน

 

คำจีน: 为了不让小猴发现, 兔姐姐还偷偷 地把自行车藏了起来。

คำอ่านพินอิน: Wèi le bù ràng xiǎo hóu fāxiàn, tù jiějiě hái tōutōu de bǎ zìxíngchē cáng le qǐlái.  

คำแปล: เพื่อไม่ให้ลูกลิงหาเจอ พี่กระต่ายก็เลยแอบเอาจักรยานไปซ่อน

 

คำจีน: 几天后,小猴不见兔姐姐来还自行车, 这才想起了没还童话书。

คำอ่านพินอิน: Jǐ tiān hòu, xiǎo hóu bùjiàn tù jiějiě lái huán zìxíngchē,  Zhè cái xiǎngqǐ le méi huán tónghuà shū. 

คำแปล: ผ่านไปสองสามวัน ลูกลิงไม่เห็นพี่กระต่ายเอาจักรยานมาคืน จึงนึกขึ้นมาได้ว่า ตนเองยังไม่ได้คืนหนังสือนิทานเลย

 

คำจีน: 于是,小猴拿着书 去向兔姐姐道歉, 兔姐姐也归还了自行车。

คำอ่านพินอิน: Yúshì, xiǎo hóu ná zhe shū Qù xiàng tù jiějiě dàoqiàn,  tù jiějiě yě guīhuán le zìxíngchē. 

คำแปล: ดังนั้นลูกลิงจึงนำหนังสือนิทานมาคืนให้พี่กระต่าย พี่กระต่ายก็คืนจักรยานให้ลูกลิงเช่นกัน


ข้อคิดที่ได้: นิทานภาษาจีนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ยืมของจากผู้ใดแล้วต้องคืน ใจเขาใจเรา เหมือนอย่างลูกลิงที่ยืมหนังสือนิทานไปจากพี่กระต่ายแล้วไม่ยอมคืน เมื่อพี่กระต่ายยืมจักรยานตนเองไปแล้วไม่คืนบ้าง ลูกลิงเลยรับรู้ถึงความรู้สึกของพี่กระต่าย

11. มดน้อยให้ที่นั่ง (有借有还 - Yǒu jiè yǒu huán)

มาถึงที่นิทานภาษาจีนเรื่องสุดท้ายกันแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวกับมดน้อยที่นั่งรถประจำทางเพื่อเดินทางไปเยี่ยมคุณยายของตน แล้วก็มีคุณยายหมีขึ้นมาบนรถประจำทางคันนี้พอดี แต่ไม่มีที่นั่งแล้ว ทุกคนบนรถประจำทางรวมถึงมดน้อยจะทำอย่างไร ต้องไปติดตามกัน

 

คำจีน: 这天,小蚂蚁乘公共汽车 到森林里看外婆。

คำอ่านพินอิน: Zhè tiān, xiǎo mǎyǐ chéng gōnggòngqìchē  dào sēnlín lǐ kàn wàipó.  

คำแปล: วันนี้ มดน้อยนั่งรถประจำทางไปในป่า เพื่อไปเยี่ยมคุณยาย

 

คำจีน: 很快,汽车在一个中途车站停下来。一位熊婆婆上了车, 却发现没有座位。 

คำอ่านพินอิน: Hěn kuài, qìchē zài yī gè zhōngtú chēzhàn tíng xiàlái.  Yī wèi xióng pópo shàng le chē, què fāxiàn méiyǒu zuòwèi. 

คำแปล: ไม่นาน รถประจำทางก็ได้แวะจอดที่ป้ายรถเมล์ป้ายหนึ่งและมีคุณยายหมีขึ้นรถมา แต่กลับพบว่า ไม่มีที่นั่งแล้ว

 

คำจีน: 这时,小蚂蚁大声说: “熊婆婆,请您坐到我这儿来吧!” 

คำอ่านพินอิน: Zhè shí, xiǎo mǎyǐ dàshēng shuō: “Xióng pópo, qǐng nín zuò dào wǒ zhèr lái ba!”

คำแปล: ทันใดนั้น มดน้อยพูดขึ้นมาเสียงดังว่า “คุณยายหมี เชิญมานั่งที่ของผมได้เลยครับ”

 

คำจีน: “那你坐到哪里呀?” “您先坐下,我自然就有地方坐啦!” 小蚂蚁神秘地说。 

คำอ่านพินอิน: “Nà nǐ zuò dào nǎli ya?” “Nín xiān zuò xià, wǒ zìrán jiù yǒu dìfāng zuò la!” Xiǎo mǎyǐ shénmì de shuō. 

คำแปล: “แล้วเธอนั่งตรงไหนล่ะ” “คุณยายนั่งก่อน แล้วผมก็จะได้ที่นั่งเองเลย” มดน้อยพูดอย่างมีลับลมคมใน

 

คำจีน: 于是,熊婆婆在小蚂蚁的座位上坐了下来, 可是小蚂蚁坐在哪里呢? 

คำอ่านพินอิน: Yúshì, xióng pópo zài xiǎo mǎyǐ de zuòwèi shang zuò le xiàlái, kěshì xiǎo mǎyǐ zuò zài nǎlǐ ne? 

คำแปล: ทันใดนั้น คุณยายหมีก็นั่งลงบนที่นั่งของเจ้ามดน้อย ว่าแต่ เจ้ามดน้อยจะนั่งตรงไหนล่ะ

 

คำจีน: “我在这里!”  一个声音在熊婆婆耳边响起。 原来小蚂蚁 坐在她的肩膀上 

คำอ่านพินอิน: “Wǒ zài zhèli!” Yī gè shēngyīn zài xióng pópo ěr biān xiǎngqǐ Yuánlái xiǎo mǎyǐ  zuò zài tā de jiānbǎng shang 

คำแปล: “ผมอยู่ตรงนี้” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างหูของคุณยายหมี ที่แท้เจ้ามดน้อยนั่งที่ไหล่ของคุณยายหมีนี่เอง

 

คำจีน: 就这样,小蚂蚁和熊婆婆 经历了一段美好的旅程。 

คำอ่านพินอิน: Jiù zhèyàng, xiǎo mǎyǐ hé xióng pópo Jīnglì le yī duàn měihǎo de lǚchéng. 

คำแปล: เพียงเท่านี้ มดน้อย และคุณยาย ก็มีช่วงเวลาเดินทางที่แสนงดงามแล้ว


ข้อคิดที่ได้: นิทานภาษาจีนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เราควรรู้จักการแบ่งปัน โดยเป็นการแบ่งปันในรูปแบบที่เราทำแล้วไม่เดือดร้อนตนเอง แบบที่มดน้อยทำ เพราะเขารู้ว่าตนเองตัวเล็ก การแบ่งที่นั่งให้กับคุณยายหมีจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย คุณยายหมีได้ที่นั่ง เขาเองก็ได้ที่นั่ง

สรุป

นิทานภาษาจีนที่รวบรวมมาทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของนิทานสอนใจที่มีเรื่องราวสั้นๆ และสามารถเข้าใจได้ง่าย เหมาะสำหรับกับเด็กๆ ที่กำลังฝึกหรือเรียนภาษาจีนอยู่ พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถนำไปให้ลูกอ่านแล้วดูคำแปล หรือลองให้พวกเขาได้อ่านแล้วแปลเองก่อนก็ได้ ทำแบบนี้เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะที่มีให้มากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ หากอยากสอนเรื่องใดเรื่องหนึ่งกับลูกเป็นพิเศษ ให้เลือกนิทานเรื่องนั้นๆ ที่มีข้อคิดตรงกับเรื่องที่อยากสอน มาให้ลูกอ่าน เช่น อยากสอนให้รักษาสถานที่ส่วนรวมก็นำเรื่อง ถนนที่สวยงาม ให้ลูกอ่าน อยากสอนให้ใช้ไหวพริบในการแก้ปัญหาก็นำเรื่อง จระเข้ถูกหลอก ให้ลูกอ่าน เป็นต้น นอกจากจะได้ทักษะทางภาษาแล้วยังช่วยสอนให้เด็กมีความคิดที่ดีด้วย

หากพ่อแม่ผู้ปกครองอยากให้ลูกๆ ของตนเองได้มีทักษะภาษาจีนเพิ่มขึ้นแบบง่ายๆ นอกจากการอ่านนิทานแล้ว ยังมีการเรียนการสอนคอร์สภาษาจีนสำหรับเด็กแบบเพลิดเพลินที่ Speakup ที่สามารถช่วยพัฒนาทักษะของเด็กๆ ได้

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สัตว์

รวม 75 คำศัพท์สัตว์ภาษาอังกฤษหมวดต่างๆ น่ารู้ พร้อมคำอ่าน คำแปล

คำศัพท์สัตว์ภาษาอังกฤษที่น่ารู้ น่าสนใจมีอยู่หลายคำด้วยกัน ซึ่งสามารถแยกออกไปเป็นหมวดต่างๆ ตั้งแต่หมวดสัตว์เลี้ยงและสัตว์ในฟาร์ม หมวดสัตว์ปีก หมวดสัตว์น้ำ หมวดแมลงและสัตว์เลื้อยคลาน ไปจนถึงหมวดสัตว์ป่า อาจมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดสัตว์ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก บทความนี้ได้รวบรวมเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้สอนให้กับลูกๆ ให้ได้เรียนรู้เอาไว้เป็นความรู้ และนำไปใช้ในอนาคตต่อไปได้

คำศัพท์ภาษาอังกฤษสัตว์เลี้ยง

หมวดสัตว์เลี้ยงและสัตว์ในฟาร์ม (Pets & Farm Animals)

มาเริ่มต้นกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดสัตว์เลี้ยงและสัตว์ในฟาร์ม ที่ถือว่าใกล้ตัวพวกเราที่สุดกัน โดยคำศัพท์สัตว์ภาษาอังกฤษเหล่านี้อาจจะคุ้นเคยและคุ้นหูไม่มากก็น้อย หรืออาจมีศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยกับน้องๆ บ้างเหมือนกัน ไปดูพร้อมกันเลยว่าจะมีคำศัพท์สัตว์ภาษาอังกฤษอะไรในหมวดนี้บ้าง

1. Buffalo

  • คำอ่าน: บั๊ฟฟะโล
  • ความหมาย: กระบือ, ควาย

2. Cat

  • คำอ่าน: แค็ท
  • ความหมาย: แมว

3. Chicken

  • คำอ่าน: ชิคคิ่น
  • ความหมาย: ไก่

4. Cow

  • คำอ่าน: คาว
  • ความหมาย: วัวตัวเมีย

5. Dog

  • คำอ่าน: ด๊อก
  • ความหมาย: สุนัข

6. Goat

  • คำอ่าน: โกท
  • ความหมาย: แพะ

7. Goldfish

  • คำอ่าน: โก๊ลดฟิช
  • ความหมาย: ปลาทอง

8. Hamster

  • คำอ่าน: แฮ็มสเตอะ
  • ความหมาย: หนูแฮมสเตอร์

9. Horse

  • คำอ่าน: ฮอซ
  • ความหมาย: ม้า

10. Ox

  • คำอ่าน: อ็อกซ
  • ความหมาย: วัวตัวผู้

11. Pig

  • คำอ่าน: พิก
  • ความหมาย: หมู

12. Rabbit

  • คำอ่าน: แร็บบิท
  • ความหมาย: กระต่าย

13. Sheep

  • คำอ่าน: ชีพ
  • ความหมาย: แกะ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สัตว์ปีก

หมวดสัตว์ปีก (Animals with wings)

มาต่อกันเลยที่หมวดคําศัพท์ภาษาอังกฤษของสัตว์ปีก ที่มีตั้งแต่สัตว์มีปีกทั่วไปจำพวกนกที่เราคุ้นเคยกันดี ซึ่งเป็นส่วนใหญ่คือสัตว์ปีกที่บินได้สูงลิบ โลดแล่นไปอย่างอิสระบนท้องฟ้า หรือจะเป็นประเภทของสัตว์ปีกที่บินได้แบบไม่สูงมาก แต่อย่างน้อยก็ยังมีปีกไว้บินได้เหมือนกัน ไม่ก็เป็นสัตว์ปีกที่มีปีกไว้ประดับร่างกายเฉยๆ แต่บินไม่ได้เลย จะมีเจ้าสัตว์ปีกตัวไหนอยู่ในใจ ลอยเข้ามาในหัวบ้าง แล้วจะเป็นศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดสัตว์ปีกที่เรามานำเสนอหรือไม่นั้น ต้องลองไปดูกัน

14. Bat

  • คำอ่าน: แบ็ท
  • ความหมาย: ค้างคาว

15. Bird

  • คำอ่าน: เบิร์ด
  • ความหมาย: นก

16. Duck

  • คำอ่าน: ดัค
  • ความหมาย: เป็ด

17. Eagle

  • คำอ่าน: อี๊เกิล
  • ความหมาย: นกอินทรี

18. Goose

  • คำอ่าน: กูซ
  • ความหมาย: ห่าน

19. Hawk

  • คำอ่าน: ฮอค
  • ความหมาย: เหยี่ยว

20. Ostrich

  • คำอ่าน: อ็อสตริช
  • ความหมาย: นกกระจอกเทศ

21. Owl

  • คำอ่าน: อาวล
  • ความหมาย: นกฮูก

22. Parrot

  • คำอ่าน: แพ๊เริท
  • ความหมาย: นกแก้ว

23. Peacock

  • คำอ่าน: พี๊ค็อค
  • ความหมาย: นกยูง

24. Turkey

  • คำอ่าน: เท๊อคิ
  • ความหมาย: ไก่งวง

25. Vulture

  • คำอ่าน: วั๊ลเชอะ
  • ความหมาย: แร้ง

หมวดสัตว์น้ำ (Aquatic Animals)

จากที่ได้เหินฟ้าไปรู้จักกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดสัตว์ปีกกันมาแล้ว ตอนนี้ตรงดิ่งแล่นฉิวลงมาในผืนน้ำ อยู่กับคำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดสัตว์น้ำกันบ้าง ซึ่งคำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดนี้จะมีทั้งสัตว์ที่อยู่ในน้ำตลอดเวลา เช่น ปลาต่างๆ หรือไม่ก็เป็นสัตว์ที่อยู่ในน้ำก็ได้และอยู่บนบกก็ได้ ราวกับมีความสามารถพิเศษ แต่ก็เป็นแค่ธรรมชาติของสัตว์ประเภทนั้นๆ เท่านั้นเอง โดยคำศัพท์ที่เรานำมาให้เรียนรู้นั้น มีแต่คำศัพท์ที่น่าสนใจมาพร้อมกับคำอ่านเลย พร้อมแล้วก็ไปรู้จักกับคำศัพท์ในหมวดนี้กัน

26. Crab

  • คำอ่าน: แครบ
  • ความหมาย: ปู

27. Crocodile

  • คำอ่าน: คร็อกคะได
  • ความหมาย: จระเข้

28. Fish

  • คำอ่าน: ฟิช
  • ความหมาย: ปลา

29. Frog

  • คำอ่าน: ฟรอก
  • ความหมาย: กบ

30. Octopus

  • คำอ่าน: อ็อคเทอะเพิส
  • ความหมาย: หมึกยักษ์

31. Seahorse

  • คำอ่าน: ซี๊ฮอส
  • ความหมาย: ม้าน้ำ

32. Seal

  • คำอ่าน: ซีล
  • ความหมาย: แมวน้ำ

33. Shark

  • คำอ่าน: ชาร์ค
  • ความหมาย: ฉลาม

34. Squid

  • คำอ่าน: สกวิด
  • ความหมาย: หมึก

35. Starfish

  • คำอ่าน: สต๊าร์ฟิช
  • ความหมาย: ดาวทะเล, ปลาดาว

36. Whale

  • คำอ่าน: เวล
  • ความหมาย: วาฬ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สัตว์น้ำ

หมวดแมลงและสัตว์เลื้อยคลาน (Insect and Reptile)

จากที่ได้ไปดูสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กันมาหลายหมวดแล้ว คราวนี้เป็นคำศัพท์หมวดแมลงและสัตว์เลื้อยคลานเป็นภาษาอังกฤษกันบ้าง มีตั้งแต่สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยที่อาจเคยเห็นในบ้านหรือตามสถานที่ทั่วไป ไปจนถึงสัตว์ขนาดกลางที่เลื้อยคลานไปมาบนพื้นดิน จะมีสัตว์อะไรที่รู้จักหรือเคยได้ยินชื่อกันมาบ้าง ไปดูคลังศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดแมลงและสัตว์เลื้อยคลานที่น่าสนใจกันได้เลย

37. Bee

  • คำอ่าน: บี
  • ความหมาย: ผึ้ง

38. Butterfly

  • คำอ่าน: บั๊ทเทอะฟลาย
  • ความหมาย: ผีเสื้อ

39. Centipede

  • คำอ่าน: เซ็นเทอะพีด
  • ความหมาย: ตะขาบ

40. Cobra

  • คำอ่าน: โค๊บระ
  • ความหมาย: งูเห่า

41. Cockroach

  • คำอ่าน: ค็อคโรช
  • ความหมาย: แมลงสาบ

42. Dragonfly

  • คำอ่าน: แดร๊เกินฟลาย
  • ความหมาย: แมลงปอ

43. Earthworm

  • คำอ่าน: เอิร์ธเวิร์ม
  • ความหมาย: ไส้เดือน

44. Gecko

  • คำอ่าน: เก็คโค
  • ความหมาย: ตุ๊กแก

45. Grasshopper

  • คำอ่าน: กร๊าซฮ็อพเพอะ
  • ความหมาย: ตั๊กแตน

46. Lizard

  • คำอ่าน: ลิ๊เสิด
  • ความหมาย: จิ้งจก

47. Millipede

  • คำอ่าน: มิ๊ลเลอะพีด
  • ความหมาย: กิ้งกือ

48. Mosquito

  • คำอ่าน: เมิร์สกี๊โท
  • ความหมาย: ยุง

49. Mouse

  • คำอ่าน: เมาส
  • ความหมาย: หนู

50. Scorpion

  • คำอ่าน: สก๊อร์เพียน
  • ความหมาย: แมงป่อง

51. Snake

  • คำอ่าน: สเนค
  • ความหมาย: งู

52. Spider

  • คำอ่าน: สไป๊เดอะ
  • ความหมาย: แมงมุม

53. Toad

  • คำอ่าน: โทด
  • ความหมาย: คางคก

54. Turtle

  • คำอ่าน: เท๊อร์เทิล
  • ความหมาย: เต่า

55. Wasp

  • คำอ่าน: วอซพึ
  • ความหมาย: ตัวต่อ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สัตว์ป่า

หมวดสัตว์ป่า (Wild Animals)

นอกจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดสัตว์ต่างๆ ที่ผ่านมมา อย่างหมวดสัตว์เลี้ยง สัตว์ในฟาร์ม สัตว์ปีก สัตว์น้ำ แมลงและสัตว์เลื้อยคลานแล้ว ยังมีคำศัพท์สัตว์อีกหมวดที่ไม่พูดถึงเลยคงไม่ได้ นั่นคือหมวดสัตว์ป่า ถึงแม้จะมองว่าสัตว์ในหมวดหมู่นี้อยู่ไกลตัวเราแต่ก็สามารถศึกษาคำศัพท์เอาไว้เป็นความรู้เพิ่มเติมได้ เนื่องจากในกรณีที่ไปสวนสัตว์หรือดูสารคดีสัตว์ป่า ก็จะได้รู้ว่าสัตว์ที่เราดู เราชมอยู่นั้น มีศัพท์ภาษาอังกฤษที่เรียกว่าอย่างไร

56. Bear

  • คำอ่าน: แบร์
  • ความหมาย: หมี

57. Bison

  • คำอ่าน: ไบ๊เซิน
  • ความหมาย: วัวป่า

58. Camel

  • คำอ่าน: แค็มเมิล
  • ความหมาย: อูฐ

59. Chimpanzee

  • คำอ่าน: ซิมเพินซี๊
  • ความหมาย: ลิงชิมแปนซี

60. Deer

  • คำอ่าน: เดียร์
  • ความหมาย: กวาง

61. Elephant

  • คำอ่าน: เอ็ลละเฟินทึ
  • ความหมาย: ช้าง

62. Fox

  • คำอ่าน: ฟ็อกซ์
  • ความหมาย: หมาจิ้งจอก

63. Giraffe

  • คำอ่าน: เจอะร๊าฟ
  • ความหมาย: ยีราฟ

64. Gorilla

  • คำอ่าน: เกอะริ๊ลละ
  • ความหมาย: ลิงกอริลล่า

65. Hippopotamus

  • คำอ่าน: ฮิบเพอะโพ๊เทอะเมิส
  • ความหมาย: ฮิปโปโปเตมัส

66. Kangaroo

  • คำอ่าน: แค็งเกอะรู๊
  • ความหมาย: จิงโจ้

67. Koala

  • คำอ่าน: โคอ๊าละ
  • ความหมาย: หมีโคอาลา

68. Lion

  • คำอ่าน: ไล๊เยิน
  • ความหมาย: สิงโต

69. Monkey

  • คำอ่าน: มั๊งคิ
  • ความหมาย: ลิง

70. Panda

  • คำอ่าน: แพ๊นดะ
  • ความหมาย: หมีแพนด้า

71. Polar bear

  • คำอ่าน: โพ๊ละร์ แบร์
  • ความหมาย: หมีขั้วโลก

72. Rhinoceros

  • คำอ่าน: ไรโน๊ซะเริส
  • ความหมาย: แรด

73. Tiger

  • คำอ่าน: ไท๊เกอะ
  • ความหมาย: เสือ

74. Wolf

  • คำอ่าน: วูล์ฟ
  • ความหมาย: หมาป่า

75. Zebra

  • คำอ่าน: สี๊บระ
  • ความหมาย: ม้าลาย

สรุป

คำศัพท์สัตว์ภาษาอังกฤษหมวดต่างๆ ที่รวบรวมมานำเสนอนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของคำศัพท์หมวดสัตว์เท่านั้น แต่ก็เป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดสัตว์เบื้องต้นที่อย่างน้อยควรรู้ไว้ เหมาะมากสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่จะนำคำศัพท์ไปสอนต่อให้กับลูกๆ ได้ เพื่อให้ลูกๆ เรียนรู้และมีความรู้จากศัพท์ตรงนี้ เพราะการให้เด็กได้รู้จักคำศัพท์ตามหมวดหมู่ มักจะทำให้เด็กเห็นภาพ จดจำคำศัพท์ได้รวดเร็วและดีกว่าการจำศัพท์โดยทั่วไปแบบไม่แบ่งหมวดหมู่

ซึ่งนอกจากการเรียนรู้คำศัพท์เฉยๆ แล้ว หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดต้องการให้ลูกๆ ได้มีความรู้รวมไปถึงทักษะทางภาษาอังกฤษต่างๆ มากยิ่งขึ้น ทั้งการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน ก็สามารถมาเรียนได้ที่  Speak Up โดยทางเรามีเทคนิคการสอนที่น่าสนใจ มีสื่อการสอนที่ทำให้การเรียนรู้ของเด็กๆ สนุกสนานมากขึ้น ไม่ได้เรียนรู้แค่จากตำราอย่างเดียว แต่ยังมีการปฏิบัติจริงด้วย รวมถึงครูผู้สอนที่เป็นชาวต่างชาติ ที่จะทำให้ทักษะทางภาษาอังกฤษสามารถพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เด็กๆ เก่งภาษาอังกฤษได้มากขึ้นแน่นอน

เทคนิคการท่องศัพท์

รวม 9 วิธีท่องศัพท์อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ท่องได้ขึ้นใจ จำได้ไม่มีลืม

ในปัจจุบันเราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาษาที่สอง นอกจากภาษาบ้านเกิดของเรานั้น มีความสำคัญมากขึ้นในทุกๆ วัน เพราะภาษาได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน ซึ่งการมีคลังคำศัพท์ไว้มากๆ จะช่วยให้เราได้เปรียบในการสื่อสารและมีโอกาสเติบโตในอนาคต แต่การจะจดจำศัพท์ที่มีเป็นพันๆ คำได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย ดังนั้น เราจึงต้องมีเทคนิคการท่องศัพท์ที่เหมาะกับตัวเราและได้ผลลัพธ์ที่ดี


บทความนี้ได้รวบรวมวิธีท่องศัพท์ที่มีประสิทธิภาพ แถมยังไม่น่าเบื่อ เพื่อให้เกิดการจำในระยะยาว ซึ่งมีมาให้เลือกถึง 9 วิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้แฟลชการ์ด การนำศัพท์ไปใช้ ไปจนถึงการสร้างมายแมพขึ้นมา ให้คุณได้ลองหาวิธีท่องศัพท์ที่ใช่ ที่เหมาะกับตัวเอง ทิ้งการจำศัพท์แบบเดิมๆ แล้วมาสนุกกับวิธีท่องศัพท์แบบใหม่กันเถอะ

เทคนิคจำศัพท์ โดยการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

1.นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

การนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด การที่เราจะเรียนรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง การลงมือปฏิบัติ หรือการนำมาใช้จริง ช่วยให้เราเข้าใจสิ่งนั้นได้เร็วขึ้น การใช้ร่างกายได้เรียนรู้ ใช้ร่างกายในการจดจำ ก็คือการได้นำคำศัพท์นั้นมาลองใช้จริง มาลองเชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆ รอบตัวที่ผ่านเข้ามา เห็นอะไรก็ให้ลองนึกถึงคำศัพท์นั้นหรือการลองใช้คำศัพท์นั้นในสถานการณ์ที่ได้ใช้คำนั้นจริงๆ จะยิ่งช่วยให้จดจำศัพท์คำนั้นได้แม่นขึ้น

ข้อดี

จำศัพท์ได้มากขึ้นและจำได้แม่นกว่าการท่องเฉยๆ แถมยังเข้าใจการใช้คำศัพท์นั้น เข้าใจบริบทของคำ ซึ่งจะสามารถใช้ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ จะเป็นผลดีต่อเมื่อต้องใช้พูดคุยกับเจ้าของภาษาจริงๆ และยังเป็นประโยชน์ต่อการเขียน essay หรือเรียงความภาษานั้นๆ อีกด้วย

ฝึกทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน

2.ฝึกทักษะฟัง พูด อ่าน เขียน ให้ครบ

เป็นอีกวิธีที่ได้ผลเป็นอย่างมากในการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ การฟังคำอ่านออกเสียงที่ถูกต้องในพจนานุกรมแล้วลองออกเสียงตาม ต่อด้วยเขียนลงสมุดตอนที่อ่านออกเสียงไปด้วย จะทำให้จำศัพท์ได้ดีขึ้น เพราะสมองเราจะจดจำสิ่งนั้นเชื่อมกัน

การฟังเพลงไปพร้อมๆ เนื้อเพลง ก็จะทำให้ได้คำศัพท์ใหม่ๆ และได้ท่องศัพท์ไปในตัวได้เช่นกัน หรือจะเป็นในระหว่างเดินทาง อย่างบนรถไฟฟ้า รถโดยสารประจำทาง ลองเปิด Podcasts สนุกๆ ฟังก็สามารถทำให้คุ้นเคยกับภาษานั้นได้เร็ว รวมถึงได้ฝึกฟังสำเนียงได้อีกด้วย

ข้อดี

เป็นวิธีที่ไม่น่าเบื่อ เพราะนอกจากจะไม่ใช่การท่องคำศัพท์อย่างเดียว ยังได้หลายทักษะในคราวเดียวกันด้วย การฝึกออกเสียงจะทำให้ออกเสียงได้ชัดขึ้น และเมื่อสมองได้จดจำทั้งภาพและเสียงพร้อมๆ กัน สมองจะเชื่อมโยงสิ่งนั้นเข้าด้วยกัน ส่งผลให้จำศัพท์ได้ดีขึ้นอีกด้วย

จำคำศัพท์เป็นกลุ่ม

3. จำคำศัพท์เป็นกลุ่ม

การจัดคำศัพท์ให้อยู่เป็นกลุ่ม เช่น จำคำที่มีความหมายคล้าย (Synonym) หรือคำที่มีความหมายตรงข้าม (Anyonym) เมื่อจำศัพท์นั้นไปพร้อมๆ กัน จะทำให้จำศัพท์ได้ทีละหลายๆ คำ และจำได้ดีมากยิ่งขึ้น เช่น คำว่า end, finish, complete มีความหมายว่า จบ, เสร็จสิ้น เหมือนกัน แต่ในส่วนของการจำศัพท์แบบ Synonym ต้องดูเรื่องการใช้ในบริบทต่างๆ เพราะบางคำก็ไม่สามารถใช้แทนกันได้ ต้องศึกษาความแตกต่างของคำศัพท์นั้นด้วย

ข้อดี

ช่วยให้จำได้ทีละหลายๆ คำ จะทำให้มีคลังคำศัพท์มาใช้ได้มากขึ้น และรู้ถึงความแตกต่างของคำ สามารถนำคำศัพท์นั้นๆ มาประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายสถานการณ์

4. จำจากรากศัพท์

ในบางภาษาการเรียนรู้คำศัพท์จากรากศัพท์จะทำให้เราสามารถเข้าใจที่มาของคำศัพท์นั้นได้ รากศัพท์แต่ละคำก็มีความหมายในตัว หากเราเข้าใจความหมายของรากศัพท์ก็จะสามารถจำศัพท์ที่มีที่มาจากรากศัพท์นั้นได้แม่นขึ้นและยังช่วยให้เราสามารถเดาความหมายคำศัพท์นั้นได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ภาษาอังกฤษ มีวิวัฒนาการมาจากภาษากรีกและภาษาละติน ที่เป็นหน่วยคำอยู่ในคำศัพท์ภาษาอังกฤษมากมาย ซึ่งนั่นก็คือรากศัพท์ เช่น mono เป็นรากศัพท์ที่แปลว่า “หนึ่ง” มาจากภาษากรีก คำที่มีรากศัพท์นี้ เช่น monotone หมายถึง การพูดในระดับเสียงเดิมตลอด หรือ คำว่า monopoly หมายถึง ผูกขาด ซึ่งหากทราบถึงรากศัพท์จะทำให้เข้าใจว่าคำนั้นมีการเชื่อมกับความหมายของรากศัพท์นั้นอย่างไรนั่นเอง

ข้อดี

เป็นวิธีที่จะช่วยให้จำศัพท์ได้มากขึ้น จากการเชื่อมความหมายของรากศัพท์ ช่วยให้เดาความหมายได้ใกล้เคียงกับความหมายจริง รวมถึงไม่จำเป็นต้องนั่งท่องศัพท์ที่ยาวๆ ยากๆ เพราะแค่รู้ความหมายของรากศัพท์ก็ได้ศัพท์ใหม่หลายคำแล้ว

จดคำศัพท์บ่อยๆ ลงโพสต์อิท

5. จดคำศัพท์บ่อยๆ ลงโพสต์อิท

เป็นวิธีที่จะช่วยจำเป็นภาพและสร้างจุดเชื่อมกันของคำศัพท์ได้ คือการเขียนคำศัพท์ลงบนโพสต์อิท แล้วจำไปแปะไว้ตามสถานที่ที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับคำศัพท์นั้น เช่น คำว่า  Accumulate แปลว่า เพิ่มพูน นำไปติดไว้ที่กระปุกออมสิน เน้นการแปะไว้ในที่ที่เห็นได้ง่ายหรือที่ที่ต้องเดินผ่านเป็นประจำ เพื่อให้เราเห็นผ่านตาบ่อยๆ เช่น ประตูห้องนอน กระจกห้องน้ำ ตู้เย็น เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เราคุ้นเคยกับคำศัพท์นั้นไปเองโดยธรรมชาติ

ข้อดี

เมื่อเราได้เห็นคำศัพท์บ่อยๆ สมองเราจะจดจำศัพท์ได้เองโดยไม่ต้องท่องจำ และการได้เห็นบ่อบๆ จะทำให้สมองเรียนรู้จนกลายเป็นความจำในระยะยาว ทำให้ลืมได้ยาก

6. ใช้แฟลชการ์ดช่วยจำ

เป็นวิธีที่เหมือนเป็นแบบทดสอบความจำ ซึ่งทำให้เรารู้ว่าคำไหนที่จำได้แล้วกับคำไหนที่ยังจำไม่ได้ เป็นวิธีคลาสสิกที่ได้ผลลัพธ์ที่ดี และยังสามารถพกพาไปไหนก็ได้ สะดวก นำออกมาท่องตอนไหนก็ได้ โดยแฟลชการ์ดจะเป็นกระดาษที่มีคำศัพท์ไว้ด้านนึงและคำแปลไว้อีกด้านนึง มีทั้งแบบสำเร็จรูปหรือสามารถทำแฟลชการ์ดคำศัพท์เองได้ วิธีทำนั้นก็แสนง่ายดาย

ข้อดี

วิธีนี้จะช่วยทดสอบความจำตัวเอง พอทดสอบแล้ว คำไหนที่จำไม่ได้ ก็สามารถแยกออกเป็นอีกกองนึง เพื่อที่เราจะได้โฟกัสกับคำศัพท์ที่ยังจำไม่ได้เต็มที่ ท่องตอนไหนก็ได้ และประหยัดเวลา

จำคำศัพท์โดยการเล่นเกม

7. เปลี่ยนจากการจำมาเป็นเล่นเกม

เกมนอกจากจะช่วยสร้างความบันเทิงแล้ว ยังสามารถช่วยฝึกทักษะต่างๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย ซึ่งก็มีหลายคนได้คำศัพท์ใหม่ๆ จากการเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็นเกมออนไลน์ เกมเนื้อเรื่อง ที่มีการพูดคุยกันเป็นภาษาอื่นๆ 

 

ยังมีเกมคลาสสิกที่เป็นเกมสำหรับฝึกภาษาโดยเฉพาะด้วยเช่นกัน 

เช่น เกมจับคู่คำศัพท์กับความหมาย, Hangman, Crossword หรือเกมจากแอปพลิเคชันก็สนุกไม่แพ้กัน แถมเล่นที่ไหนก็ได้ เช่น Ruzzle เกมปริศนาคำศัพท์

ข้อดี

ช่วยทำให้การท่องศัพท์เฉยๆ ไม่น่าเบื่อ เกมจะช่วยให้รู้จักผ่อนคลายมากขึ้น ไม่เครียดกับการท่องศัพท์จนเกินไป และจะช่วยให้มีแรงใจในการเริ่มต้นท่องศัพท์ ได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ต่อได้อีก

หมั่นท่องศัพท์อย่างสม่ำเสมอ

8. หมั่นท่องศัพท์อย่างสม่ำเสมอ

สิ่งสำคัญที่สุดคือความขยัน ความสม่ำเสมอ ไม่ว่าวิธีท่องศัพท์นั้นจะดีแค่ไหน แต่หากไม่ฝึกฝนเป็นประจำก็มีโอกาสที่จะลืมได้ การเรียนรู้คำศัพท์หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทุกอย่างต้องใช้เวลา และให้เวลากับตัวเองในการทำความคุ้นเคยกับการเรียนรู้ศัพท์ใหม่ๆ พยายามท่องคำศัพท์ให้ได้ในทุกๆ วัน แม้ว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ อย่างนั่งรอรถเพราะในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นก็สามารถทำให้ท่องศัพท์ไปได้ไม่น้อยเลย หากเห็นคำศัพท์นั้นเป็นประจำ สมองก็จะเรียนรู้คำศัพท์นั้นไปจนทำให้เราจำศัพท์นั้นได้ขึ้นใจ ไม่มีวันลืมนั่นเอง

 

ดังนั้น เราอาจจะกำหนดช่วงเวลาสำหรับการทบทวนคำศัพท์ออกเป็นช่วงๆ อย่างทบทวนหลังเรียนเสร็จทันที ทบทวนหลังเรียนไปแล้ว 24 ชั่วโมง ทบทวนหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ทบทวนหลังจากนั้น 1 เดือน ซึ่งการแบ่งช่วงเวลาเหล่านั้น จะช่วยลดการสูญเสียความจำจากสิ่งที่เรียนรู้ไปได้

ข้อดี

สร้างความทรงจำในระยะยาวได้ ช่วยให้สามารถจำสิ่งที่เรียนรู้และเข้าใจสิ่งนั้น เมื่อได้ให้เวลาและความสม่ำเสมอสมองจะจดจำ โอกาสลืมคำศัพท์ก็จะน้อยลงด้วย

ใช้มายแมพช่วยในการท่องศัพท์

9. ใช้มายแมพเข้าช่วย

Mind map คือสิ่งที่จะช่วยให้ได้เข้าใจคำศัพท์นั้นได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการเชื่อมโยงระหว่างคำและบริบทของคำเหล่านั้นสามารถเพิ่มรูปภาพได้ เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น จะจดจำได้ง่ายขึ้น มายแมพจะคอยช่วยให้เราจัดระเบียบความได้ ผ่านการเชื่อมโยง โดยจะมีการแตกย่อยลงไปในรายละเอียด ทำให้เห็นภาพรวมของคำศัพท์ได้ชัดเจนกว่าการท่องเฉยๆ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยจัดลำดับความยากง่ายของคำศัพท์ ซึ่งจะช่วยในเรื่องการค่อยๆ เรียนรู้และทบทวนได้ง่าย การจัดกลุ่มคำที่เกี่ยวข้องกัน จะทำให้เราจดจำมันได้ดีขึ้น

มายแมพนั้นสร้างขึ้นได้ง่ายมาก โดยอาจจะเขียนลงสมุดหรือบน Note iPad หรือ Post it ก็ได้ เพียงแค่มีพื้นที่สำหรับการใส่คำศัพท์ แล้วเริ่มสร้างมายแมพได้เลย โดยมีวิธีดังนี้

  • วางกระดาษเป็นแนวนอนหรือหันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นแนวนอน เพื่อให้มีพื้นที่ในการเติมคำศัพท์ลงไป
  • วาดรูปหรือวาดกรอบตรงกลาง เพื่อใส่หัวข้อหลักของคำศัพท์ เช่น หมวดหมู่ของกิน หมวดหมู่คำกิริยา เป็นต้น
  • พอได้หัวข้อหลักมาแล้ว ก็แตกแยกหมวดหมู่ย่อยออกมาจากหัวข้อหลัก เช่น ในกรณีที่เป็นหัวข้อ Food หมวดหมู่ที่แยกออกมาอาจจะเป็น Thai Food, Italy Food เป็นต้น
  • หลังจากนั้นให้ลากเส้นออกจากหัวข้อหลัก ใช้หมวดหมู่ย่อยสร้างกล่องข้อความ แล้ววาดเส้นเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมโยงไปยังคำศัพท์ใหม่ๆ

ข้อดี

ช่วยจับประเด็นสำคัญได้ดี อันมาจากการแยกหมวดหมู่ ทำให้เห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายขึ้น เห็นลำดับความสำคัญ มีคำที่ยากและคำที่ง่าย ทำให้ท่องศัพท์ได้เป็นระบบจากหัวข้อหลักไปยังหัวข้อย่อย

สรุป

แต่ละคนก็มีความสามารถในการจดจำต่างกัน เทคนิคการท่องศัพท์จึงต่างกันด้วย ตามสไตล์ของตัวเอง 9 เทคนิคที่ได้กล่าวถึงไป สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม ตามความชอบของผู้ที่ต้องการจำศัพท์ได้ ในแต่ละวิธีก็จะมีข้อดี ข้อเสียต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการนำคำศัพท์ไปใช้จริงที่จะสามารถทำให้จำศัพท์ได้ในระยะยาวผ่านการลองใช้ในสถานการณ์จริง การใช้แฟลชการ์ดที่ช่วยให้จำศัพท์ได้มาก รวมไปถึงการจำศัพท์ด้วย มายแมพเองก็ดี ที่จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของคำศัพท์ที่แตกแยกย่อยออกมา ซึ่งเป็นวิธีที่แนะนำสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มจำศัพท์ เพราะจะทำให้เห็นภาพและรู้ถึงความหมายอื่นๆ เพิ่มเติม จะได้คำศัพท์มากขึ้นและเข้าใจบริบทของมัน 

 

ซึ่งที่ Speak Up เองก็มีเทคนิคจำคำศัพท์ต่างๆ ที่จะช่วยให้การจำศัพท์ของเด็กๆ มีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน หากผู้ที่กำลังสนใจเรียนรู้คำศัพท์หรือผู้ปกครองอยากให้ลูกๆ หลานๆ มีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีขึ้น ก็สามารถมาเรียนที่ Speak Up ได้

แต่นอกจากวิธีจำศัพท์ ในการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ เพื่อให้จดจำได้ ต้องอาศัยความสม่ำเสมอด้วยเช่นกัน

รวมมิตร 50 คำศัพท์ภาษาจีนในชีวิตประจำวัน ได้นำไปใช้บ่อยแน่นอน

รวมมิตร 50 คำศัพท์ภาษาจีนในชีวิตประจำวัน ได้นำไปใช้บ่อยแน่นอน

ภาษาจีนเป็นภาษาที่ถ้าจำศัพท์ไว้ ก็สามารถนำไปใช้ได้ไม่ยาก ในการฝึกภาษาจีนช่วงแรก อาจจะเริ่มจากการพูดหรือการอ่านคำศัพท์ภาษาจีน โดยฝึกจากคำศัพท์สั้นๆ ง่ายๆ โดยเลือกคำศัพท์จากสิ่งรอบตัวก่อนหรือเลือกเป็นคำศัพท์ภาษาจีนที่ใช้ในชีวิตประจำวันก็ได้ เพื่อให้ค่อยๆ พัฒนาความจำ การเรียนรู้ ให้คล่องจนไปสู่ขั้นต่อไปได้ อย่างเช่น การพูดหรือการเขียน ที่ฝึกบ่อยๆ จนสามารถทำได้คล่องกว่าเดิม 

ในปัจจุบันภาษาจีนถือเป็นอีกหนึ่งภาษาที่คนต่างนิยมใช้กันเป็นอย่างมาก จนเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งภาษาที่ 3 ที่คนนึกถึงรองจากภาษาอังกฤษเลยก็ว่าได้ เลยทำให้ใครหลายๆ คน เริ่มหันมาศึกษาคำศัพท์ภาษาจีนหรือเริ่มสนใจเรียนภาษาจีนกันมากขึ้น รวมถึงผู้ปกครองบางท่าน ก็เริ่มอยากให้ลูกๆ ได้ฝึกหรือเริ่มเรียนคำศัพท์ภาษาจีนเช่นกัน 

ในบทความนี้เลยได้รวบรวม 50 คำศัพท์ ภาษาจีนที่รู้ไว้แล้วได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันแน่นอน รวมถึงเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยในการใช้คำศัพท์ อีกทั้งคำศัพท์ภาษาจีนที่รวบรวมมาก็เป็นคำศัพท์ภาษาจีนง่ายๆ ที่สามารถฝึกพูดได้ทุกวันอีกด้วย

50 คำศัพท์ภาษาจีนในชีวิตประจำวัน ได้นำไปใช้บ่อยแน่นอน

1. 你好

  • Pinyin: nĭ hăo 
  • คำอ่านภาษาไทย: หนีห่าว
  • ความหมาย: สวัสดี (เป็นคำทักทายที่นิยมใช้กับบุคคลทั่วไป ส่วนมากจะนิยมใช้กันใน กลุ่มเพื่อน คนสนิท หรือคนอายุใกล้เคียงกัน)

2. 好

  • Pinyin: hǎo 
  • คำอ่านภาษาไทย: ห่าว 
  • ความหมาย: ดี

3. 再见

  • Pinyin: zàijiàn    
  • คำอ่านภาษาไทย: จ้ายเจี้ยน
  • ความหมาย: ลาก่อน, พบกันใหม่, ไว้พบกันอีก (เป็นคำบอกลาที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาจีน)

4. 我

  • Pinyin: wǒ    
  • คำอ่านภาษาไทย: หว่อ
  • ความหมาย: ฉัน, ผม (เป็นคำที่ใช้เรียกแทนตนเอง)

5. 你

  • Pinyin: nǐ     
  • คำอ่านภาษาไทย: หนี่
  • ความหมาย: คุณ, เธอ (เป็นคำที่ใช้เรียกฝ่ายตรงข้ามหรือคู่สนทนา)

6. 您

  • Pinyin: nín    
  • คำอ่านภาษาไทย: หนิน
  • ความหมาย: คุณ, ท่าน (คำพูดแบบสุภาพที่ให้เกียรติคนที่อายุเยอะกว่า)

7. 爸爸

  • Pinyin: bàba  
  • คำอ่านภาษาไทย: ป้าปะ
  • ความหมาย: พ่อ

8. 妈妈

  • Pinyin: māma  
  • คำอ่านภาษาไทย: มามะ
  • ความหมาย: แม่

9. 我们

  • Pinyin: wǒmen  
  • คำอ่านภาษาไทย: หว่อเมิน
  • ความหมาย: พวกเรา (ใช้พูดถึงกลุ่มบุคคลเดียว ไม่รวมกลุ่มบุคคลอื่น)

10. 叫

  • Pinyin: jiào    
  • คำอ่านภาษาไทย: เจี้ยว
  • ความหมาย: มีชื่อว่า, เรียกชื่อว่า (ส่วนมากจะอยู่ในรูปแบบประโยคบอกเล่า เอาไว้ใช้กับการแนะนำตัวเอง เช่น ผมชื่อ ฉันชื่อ)
50 คำศัพท์ภาษาจีนในชีวิตประจำวัน ได้นำไปใช้บ่อยแน่นอน

11. 名字

  • Pinyin: míngzi   
  • คำอ่านภาษาไทย: หมิงจึ
  • ความหมาย: ชื่อ, ชื่อจริง (การใช้คำจะคล้ายกับคำว่า 叫 ( jiào เจี้ยว) ที่แปลว่า มีชื่อว่า แต่ส่วนมากคำว่า 名字 (หมิง จึ) จะอยู่ในรูปแบบประโยคคำถาม เช่น 你叫什么名字 ? (nǐ jiào shénme míngzì? หนี่ เจี้ยว เฉินเมอะ หมิงจึ แปลว่า คุณชื่ออะไร)

12. 什么

  • Pinyin: shénme   
  • คำอ่านภาษาไทย: เฉินเมอะ
  • ความหมาย: อะไร (ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปประโยคคำถาม ใช้แสดงความสงสัย)

13. 高兴

  • Pinyin: gāoxìng   
  • คำอ่านภาษาไทย: เกาซิ่ง
  • ความหมาย:  ดีใจ, พอใจ, มีความสุข, ตื่นเต้น  (ใช้แสดงอารมณ์หรืออาการดีใจ)

14. 认识

  • Pinyin: rènshi   
  • คำอ่านภาษาไทย: เริ่นซึ
  • ความหมาย: รู้, รู้จัก, รับรู้, ความรู้, ความเข้าใจ (ใช้ได้กับสิ่งที่คุ้นเคยหรือว่ารู้จัก ไม่ว่าจะเป็นคน, สิ่งของ และสถานที่)

15. 不

  • Pinyin: bù   
  • คำอ่านภาษาไทย: ปู้
  • ความหมาย: ไม่ (ใช้ในรูปประโยคปฏิเสธ มักใช้กับเหตุการณ์ในปัจจุบันและอนาคต)

16. 对不起

  • Pinyin: duìbùqǐ  
  • คำอ่านภาษาไทย: ตุ้ยปู้ฉี่
  • ความหมาย: ขอโทษ

17. 没关系

  • Pinyin: méiguānxi  
  • คำอ่านภาษาไทย: เหมยกวนซี
  • ความหมาย: ไม่เป็นไร (ใช้ตอบรับกับคำกล่าวขอบคุณหรือคำขอโทษ)

18. 人

  • Pinyin: Rén  
  • คำอ่านภาษาไทย: เหริน
  • ความหมาย: คน (เขียนต่อท้ายชื่อประเทศ จะมีความหมายว่า สัญชาติ)

19. 有

  • Pinyin: Yǒu  
  • คำอ่านภาษาไทย: โหย่ว
  • ความหมาย: มี

20. 几

  • Pinyin: Jǐ   
  • คำอ่านภาษาไทย: จี๋
  • ความหมาย: กี่, เท่าไร (ใช้ในประโยคคำถาม เช่น การถามจำนวนที่ต้องการทราบ)
50 คำศัพท์ภาษาจีนในชีวิตประจำวัน ได้นำไปใช้บ่อยแน่นอน

21. 吃

  • Pinyin: chī   
  • คำอ่านภาษาไทย: ชือ
  • ความหมาย: กิน, รับประทาน

22. 面条

  • Pinyin: miàntiáo   
  • คำอ่านภาษาไทย: เมี่ยนเถียว
  • ความหมาย: ก๋วยเตี๋ยว

23. 鸡蛋

  • Pinyin: jīdàn  
  • คำอ่านภาษาไทย: จีต้าน
  • ความหมาย: ไข่

24. 去

  • Pinyin: qù  
  • คำอ่านภาษาไทย: ชวี่
  • ความหมาย: ไป

25. 食堂

  • Pinyin: shítáng  
  • คำอ่านภาษาไทย: สือถัง
  • ความหมาย: โรงอาหาร, ห้องอาหาร

26. 吃饭

  • Pinyin: chīfàn  
  • คำอ่านภาษาไทย: ชือฟ้าน
  • ความหมาย: กินข้าว

27. 喝

  • Pinyin: hē  
  • คำอ่านภาษาไทย: เฮอ
  • ความหมาย: ดื่ม, ซด

28. 牛奶

  • Pinyin: niúnǎi  
  • คำอ่านภาษาไทย: หนิวไหน่
  • ความหมาย: นมวัว (แต่ถ้าวางคำสลับกันจะเป็นคำว่า 奶牛 (nǎiniú ไหน่หนิว) ที่แปลว่า วัวนม)

29. 茶

  • Pinyin: chá 
  • คำอ่านภาษาไทย: ฉา
  • ความหมาย: ชา

30. 咖啡

  • Pinyin: kāfēi 
  • คำอ่านภาษาไทย: คาเฟย
  • ความหมาย: กาแฟ
50 คำศัพท์ภาษาจีนในชีวิตประจำวัน ได้นำไปใช้บ่อยแน่นอน

31. 今天

  • Pinyin: jīntiān 
  • คำอ่านภาษาไทย: จินเทียน
  • ความหมาย: วันนี้, ปัจจุบันนี้, ขณะนี้ (หากเขียนแยกเป็น 天 (tiān เทียน) จะแปลว่า วัน ใช้ได้ในหลายความหมายเช่น เมื่อวาน, วันนี้, พรุ่งนี้ เป็นต้น)

32. 明天

  • Pinyin: míngtiān 
  • คำอ่านภาษาไทย: หมิงเทียน
  • ความหมาย: พรุ่งนี้

33. 星期

  • Pinyin: xīngqi  
  • คำอ่านภาษาไทย: ซิงชี
  • ความหมาย: สัปดาห์ (หากใช้นำหน้าตัวเลขในภาษาจีน ก็จะหมายถึงวันต่างๆ เช่น วันจันทร์, วันอังคาร, วันพุธ เป็นต้น)

34. 几点

  • Pinyin: jǐdiǎn 
  • คำอ่านภาษาไทย: จี๋เตี่ยน
  • ความหมาย: กี่โมง (ใช้ในการถามเกี่ยวกับช่วงเวลา)

35. 这

  • Pinyin: zhè 
  • คำอ่านภาษาไทย: เจ้อ
  • ความหมาย: นี่, นี้

36. 那

  • Pinyin: nà 
  • คำอ่านภาษาไทย: หน้า
  • ความหมาย: ที่นั่น, ที่นู้น, ที่โน่น (เป็นคำใช้ชี้ระยะใกล้ ไกล)

37. 的

  • Pinyin: de 
  • คำอ่านภาษาไทย: เตอะ
  • ความหมาย: ของ, ที่, ซึ่ง, อัน (ใช้เป็นคำเชื่อมประธาน ของรูปประโยค กับ คน สัตว์ สิ่งของ ต่างๆ)

38. 知道

  • Pinyin: zhīdào 
  • คำอ่านภาษาไทย: จือเต้า 
  • ความหมาย: รู้, ทราบ, เข้าใจ (ใช้ได้กับสิ่งที่คุ้นเคยหรือว่ารู้จักกันแค่เพียงผิวเพิน ไม่ว่าจะเป็นคน, สิ่งของ และสถานที่)

39. 不是

  • Pinyin: búshì 
  • คำอ่านภาษาไทย: ปู๋ชื่อ
  • ความหมาย: ไม่ใช่

40. 谁

  • Pinyin: shuí
  • คำอ่านภาษาไทย: เสย
  • ความหมาย: ใคร
50 คำศัพท์ภาษาจีนในชีวิตประจำวัน ได้นำไปใช้บ่อยแน่นอน

41. 可以

  • Pinyin: kěyǐ 
  • คำอ่านภาษาไทย: เขออี่ 
  • ความหมาย: สามารถ, ความสามารถ (อาจจะใช้ในกรณี การขออนุญาตทำบางสิ่งบางอย่าง, การอนุญาตให้ทำบางสิ่งบางอย่าง)

42. 一点

  • Pinyin: yìdiǎn 
  • คำอ่านภาษาไทย: อี้เตี่ยน
  • ความหมาย: นิดหน่อย, เล็กน้อย, กว่านี้อีกหน่อย (ส่วนมากจะใช้เป็นคำบอกจำนวน)

43. 谢谢

  • Pinyin: xièxie 
  • คำอ่านภาษาไทย: เซี่ยเซีย
  • ความหมาย: ขอบคุณ

44. 不用谢

  • Pinyin: bùyòngxiè
  • คำอ่านภาษาไทย: ปู๋ย่งเซี่ย
  • ความหมาย:  ด้วยความยินดี, ไม่เป็นไร, ไม่ต้องขอบคุณ (ใช้ตอบรับคำขอบคุณเท่านั้น)

45. 要

  • Pinyin: yào
  • คำอ่านภาษาไทย: เย่า
  • ความหมาย: ต้องการ, อยาก

46. 吗

  • Pinyin: ma
  • คำอ่านภาษาไทย: มะ
  • ความหมาย: ไหม, หรือไม่ (คำที่ไว้ใช้ต่อท้ายประโยคคำถามหรือประโยคปฏิเสธ)

47. 很

  • Pinyin: hěn 
  • คำอ่านภาษาไทย: เหิ่น
  • ความหมาย: มาก

48. 是

  • Pinyin: shì 
  • คำอ่านภาษาไทย: ซื่อ
  • ความหมาย: เป็น, คือ, ใช่, รับ (การแปลจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์)

49. 和

  • Pinyin: Hé 
  • คำอ่านภาษาไทย: เหอ
  • ความหมาย: กับ, และ (ใช้สำหรับเชื่อมวลีหรือประโยค และใช้เชื่อมเฉพาะคำนามกับคำนามเท่านั้น)

50. 一起

  • Pinyin: yìqǐ  
  • คำอ่านภาษาไทย:  อี้ฉี
  • ความหมาย: ด้วยกัน, พร้อมกัน, พร้อมเพรียงกัน

นี่เป็น 50 คำศัพท์ภาษาจีนที่นำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันได้ แต่ก็ยังสามารถเรียนรู้คำศัพท์ภาษาจีนอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกเพื่อเพิ่มทักษะในการฟัง พูด อ่านเขียน ซึ่งหากฝึกคำศัพท์ภาษาจีนบ่อยๆ ก็จะทำให้มีความชำนาญ ช่วยส่งเสริมความจำและการเรียนรู้ ส่งผลเรื่องของการสื่อสาร ที่สามารถนำภาษาจีนไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ในการฝึกอาจจะหาแบบฝึกหัดคำศัพท์ภาษาจีนง่ายๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มลำดับขั้นของการเรียนได้ หรือจะเลือกเรียนที่โรงเรียนสอนภาษาโดยเฉพาะเพื่อให้ได้การเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน ตลอดจนทำให้ใช้ภาษาได้ดียิ่งขึ้น 

สำหรับผู้ปกครองที่สนใจอยากพาลูกๆ มาเรียนภาษาจีน Speak Up ก็มีการสอนภาษาจีน เพื่อให้ได้ทักษะที่ดีและมีประสิทธิภาพ สอนโดยครูผู้มีประสบการณ์ ช่วยให้ลูกๆ ได้เรียนรู้คำศัพท์ภาษาจีนได้ง่ายๆ สามารถนำภาษาจีนไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ใช้ต่อยอดกับการเรียน การสอนที่โรงเรียน ทำให้มีความรู้ทางภาษาจีนเพิ่มขึ้นได้

minecraft coding

Minecraft Coding เสริมสร้างจินตนาการ สานฝันโปรแกรมเมอร์ตัวน้อย

คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงอยากให้ลูกฝึกทักษะ hard skill ตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นวัยที่จดจำและเรียนรู้ได้เร็ว โดยเฉพาะการเขียนโปรแกรม ที่เป็นการเสริมสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์แก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการใช้ชีวิต 


บทความนี้จะมาแนะนำ ว่า Minecraft coding คืออะไร เรียนแล้วเจ้าตัวน้อยจะได้ทักษะอะไรบ้าง มีประโยชน์ที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดไปยังหลายๆ อาชีพที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในอนาคตได้อย่างไรบ้าง

minecraft coding คืออะไร

minecraft coding คืออะไร

Minecraft coding คือ การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาโค้ด  มีหน้าตาเป็นกล่องสี่เหลี่ยม เป็นสื่อการเรียนการสอนผ่านเกมส์แบบเปิดกว้าง (open world) เติมเต็มจินตนาการพร้อมการเรียนไปด้วย นักเรียนสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบในรูปแบบของตนเอง ให้การเรียนเขียนโค้ดสนุกสนานมากขึ้นนั่นเอง

ทำไม minecraft coding จึงเหมาะกับการเรียนรู้ของเด็ก

Minecraft education  เหมาะกับเด็กที่มีอายุ 5-15 ปี ซึ่งเป็นวัยแห่งจินตนาการ เต็มไปด้วยไอเดียแปลกใหม่ อยากรู้อยากลอง โดยเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการลงมือปฏิบัติจริง วิเคราะห์สถานการณ์และหาทางออกเอาชนะอุปสรรค

แพลตฟอร์มนี้จะช่วยเพิ่มทักษะพื้นฐานด้านการเขียนภาษา coding นอกจากนี้ยังฝึกการคิดที่เป็นระบบ มีตรรกะ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับโปรแกรมและเทคโนโลยี นำไปต่อยอดการเรียนสู่อาชีพต่างๆ ในอนาคต

minecraft coding skill

Skill ที่เด็กๆ จะได้จากการเรียน

Skill ที่น้องๆ จะได้ผ่านการเรียนรู้แบบ Play-based Learning ทั้งเพลิดเพลินจากการเรียนเขียนโค้ด มีดังนี้

Computational thinking

Computational thinking เป็นทักษะส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กในการใช้ความคิดตัดสินใจ การแก้ปัญหาด้วยตนเองในชีวิตประจำวันหรือการทำงานได้ อาชีพที่จำเป็นต้องมีทักษะนี้มีอยู่หลายอาชีพ เช่น นักวิทยาศาสตร์ โปรแกรมเมอร์ คุณหมอ ทนายความ นักบัญชี หรือแม้แต่ทำธุรกิจค้าขาย การเรียน Minecraft Coding  จะฝึกทักษะการคิดเชิงระบบ โดยอาศัยการวิเคราะห์ในการแก้ไขปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ ตรรกะ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการเรียนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์

Grit

Grit คือ พลังแห่งความพยายามค้นหาด้วยตัวเอง โดยการลองผิดลองถูก มีความอดทน เห็นได้ชัดว่าทักษะนี้เป็นทักษะของหลายๆ อาชีพ ไม่ว่าจะเป็น เหล่าบรรดานักวิทยาศาสตร์ นักเขียน หรือแม้แต่นักกีฬา ทักษะนี้จะค่อยๆ เปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กๆ ให้กลายเป็นคนที่มีความตั้งใจแน่วแน่ รู้จักหาคำตอบหรือทำอะไรก็ตามแต่ให้ประสบความสำเร็จ ด้วยความรักและความมานะ เป็นผลให้สามารถทำสิ่งๆ นั้นได้ในระยะยาว

Curiosity

Curiosity หรือความอยากรู้อยากเห็น ขี้สงสัย รู้จักตั้งข้อสังเกตจากสิ่งรอบตัว พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เสมอ อาชีพที่จำเป็นต้องมีทักษะนี้ ได้แก่ นักวิทยาศาสตร์ นักข่าว นักเขียนโปรแกรม นักวิศวะ เป็นต้น

 

ทักษะนี้จะส่งเสริมให้เด็กรู้จักใฝ่รู้ในสิ่งต่างๆ และหาคำตอบเพื่อแก้ข้อสงสัยของตนเองผ่านการวิเคราะห์และประเมินจากข้อมูล

วิธีการสอน minecraft coding

วิธีการสอน

ลักษณะวิธีการสอนเป็นแบบ Mission Base Learning โดยสร้างบรรยากาศใกล้เคียงเสมือนการใช้ชีวิตจริงผ่านการลงมือทำ ไม่เพียงแค่ท่องจำบทเรียนเหมือนในห้องเรียนธรรมดา น้องๆ จะได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดและหาทางแก้ไขปัญหานั้นด้วยตนเอง นอกจากนี้ ยังได้ทักษะด้านวิศวกรรมในการออกแบบหุ่นยนต์ การคำนวนระยะทาง การเคลื่อนไหว และ น้องๆ จะได้ฝึกเรียนรู้ ภาษา Lua ซึ่งเป็นภาษาที่สำคัญในการเขียนโค้ดดิ้งอีกด้วย

ภาษา lua คืออะไร

ภาษา Lua คืออะไร

ภาษา Lua หรือ ลูอา เป็นหนึ่งในภาษาโปรแกรมที่คอยทำหน้าที่แปลคำสั่งแบบโต้ตอบ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเขียนภาษาโปรแกรมที่มีความยืดหยุ่น ไม่ซับซ้อน มาในรูปแบบของสคริปต์ เป็นภาษาที่ใช้พื้นที่ขนาดเล็ก เลยทำให้เข้าใจง่ายในการนำไปใช้อธิบายข้อมูล 

ซึ่งเป็นภาษาที่สำคัญในการเขียนโค้ด minecraft หรือโค้ดอื่นๆ เบื้องต้น เช่นเดียวกับการเขียนเกม

ประโยชน์ของ minecraft coding

ประโยชน์ของการเรียนเขียนโปรแกรมตั้งแต่เด็ก

ประโยชน์ของการเรียนเขียนโปรแกรม Minecraft education ตั้งแต่เด็กมีดังนี้

  • ช่วยดึงศักยภาพที่มีอยู่ออกมา กล้าคิดกล้าทำ
  • แก้ปัญหาจากสิ่งใหม่ๆ หรือมีการเปลี่ยนแปลงได้
  • ฝึกการคิดแบบ systematic กระบวนการวิเคราะห์ตามลำดับอย่างเป็นเหตุเป็นผล
  • เป็นคนใฝ่รู้ รู้จักหาคำตอบด้วยตนเอง
  • มีความพยายามและมุมานะ เพื่อให้ประสบผลสำเร็จ
  • เสริมทักษะจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์
  • มีทักษะด้านวิศวกรรม ในการออกแบบหุ่นยนต์ให้ทำตามคำสั่ง
  • มีทักษะด้านคณิตศาสตร์และเรขาคณิตจากการคำนวณ

สรุป

Minecraft coding ต่างจากการเขียนโค้ดแบบอื่น ที่มีความสนุกสนานและท้าทายในการแก้ปัญหา ออกแบบที่สามารถทดลองหยิบจับและสัมผัสได้จริง ไม่ใช่การเพียงการท่องจำ การที่ได้เรียนรู้ตั้งแต่เด็กจะช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ ออกจากกรอบเดิมๆ  Speak Up Language Center มีคอร์ส minecraft coding สำหรับเด็กตั้งแต่อายุ 5-15 ปี ที่ต้องการเรียนและฝึกการเขียนโปรแกรม script เบื้องต้น ออกแบบและวางแผนเกมด้วยตัวเอง ช่วยให้ฝึกการคิดเป็นขั้นเป็นตอนและประมวลผล ผ่านการสอนแบบ Game base learning ให้การเรียนสนุก ไม่น่าเบื่อหรือจำเจอีกต่อไป